วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องไร้สาระแต่ลองอ่านดูนะ

8 วิธีเลือกแฟนใหม่ ให้ดีกว่าเก่า

อยากรู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงมักเลือกคู่ผิดๆ อยู่ร่ำไป ก่อนอื่นมาลองสำรวจตัวเองสักนิดว่าทำไมความสัมพันธ์ครั้งก่อนจึงจบลงไปอย่างง่ายด่าย คุณมีความคิดตรงกับข้อไหนข้างล่างนี้หรือไม่
คุณมักจะคิดอยู่เสมอว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ
และคุณสามารถช่วยเหลือเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของการครองคู่ เพราะการที่จะอยู่ร่วมกับใครสักคน การให้อย่างเดียวไม่ช่วยให้หัวใจของคุณอิ่มสุขได้ คู่รักควรมีการให้และการรับ อย่าได้คิดว่ายิ่งให้เขามากเท่าไหร่แล้วเขาจะยิ่งมองเห็นคุณค่า เพราะคุณค่าของตัวคุณไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาด้วยวิธีนี้
คุณคิดว่าควรจะอยู่กับคนนี้
เนื่องจากมีสาเหตุให้รีบเลือก เช่น อายุเยอะแล้วไม่ควรเลือกมาก เพราะไม่อย่างนั้นจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายที่กำลังจะผ่านไป เหตุผลนี้จะยิ่งคอยบั่นทอนคุณค่าในตัวคุณลงไปเรื่อยๆ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ว่ากับเขาคู่ควรกับคุณเพราะ... และถ้าคำนวณดูแล้วเห็นว่าเขาไม่คู่ควรกับคุณ การเป็นเพื่อนกันก็น่าจะเหมาะกว่า รออีกสักนิดให้คนที่คลิกกับคุณจริงๆ เข้ามาในชีวิตดีไหม
หากคบกับเขาแล้วคุณรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ
ถ้าคุณทำให้เขาเสียใจหรือโกรธ เช่น รู้ทั้งรู้ว่าเวลาออกไปกินข้าวด้วยกันควรช่วยกันออกเงิน แต่เขากลับให้คุณเป็นฝ่ายออกเงินเลี้ยงเขาหลายๆ ครั้ง โดยอ้างว่าไม่ค่อยมีเงิน (แต่เขากลับมีเงินซื้อมือถือใหม่) แต่คุณก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ หรือกลัวว่าเขาจะไม่รัก แค่นี้ก็พอจะมองเห็นเงารางๆ ของความทุกข์แล้วล่ะ ถ้าคุณตัดสินใจอยู่กับผู้ชายคนนี้
คุณรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย
และคงไม่มีผู้ชายคนไหนย่างกรายเข้ามาในชีวิตคุณอีกแล้วเป็นแน่ แต่คนนี้ให้โอกาสกับคุณ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้หลุดลอยจงรีบคว้ามันไว้ ความคิดแบบนี้ผิดมหันต์ เพราะผู้หญิงทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง นอกจากคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเองแล้ว คุณยังรีบร้อนไปคว้าเอาใครก็ไม่รู้ที่ยังไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยเข้ามาในชีวิต ระวังจะต้องรีบร้อนผลักไสเขาออกไปจากชีวิตก็แล้วกัน
ตัดสินใจในระยะเริ่มต้นความสัมพันธ์
ระยะแรกที่เพิ่งคบกันเป็นช่วงเวลาแสนหวานของคนสองคน ต่างก็อยากแสดงสิ่งดีๆ ออกมาให้อีกฝ่ายพึงพอใจ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งใช้ช่วงเวลานี้รีบร้อนตัดสินใจ เนื่องจากความหวานของความรักมักมาบดบังความเป็นจริง จนทำให้คุณมองข้ามอะไรหลายๆ อย่าง

ทีนี้มาลองดูวิธีเลือกคู่ใหม่กันบ้าง

1. เลือกคนที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
มีบางคนที่สามารถดึงสิ่งดีๆ ในตัวเราออกมาได้อย่างเต็มที่ นั่นคือคนที่ยินดีรับฟังปัญหาเวลาที่เราทุกข์ ยินดีเมื่อเรามีความสุข สนับสนุนและให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าของเราในทุกๆ ทาง คนที่คุณพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่องและสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา ในทางตรงกันข้าม ผู้ชายที่เอาแต่ติ มองโลกในแง่ร้าย ไม่เคยเข้าข้างและเป็นฝ่ายเดียวกับคุณ คนเหล่านี้มีแต่จะคอยดึงเอาพลังดีงานของชีวิตออกไปจากตัวคุณ
2. อย่าเลือก "วัตถุ" มากกว่า "จิตใจ"
ก่อนอื่นถ้าคุณมีโอกาสรู้จักหนุ่มน่ารักสักคน ขอให้ทำความรู้จักและมองลึกเข้าไปในหัวใจเขา อย่ายอมให้หน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างแมนกำยำ รถเบนซ์สปอร์ตที่เขาขับ หรือเงินเดือนเหยียบแสนที่เขาได้รับมาบดบังตัวตนจริงๆ ของเขา ลองนั่งคิดแล้วเขียนออกมาเป็นข้อๆเลยว่า อะไรที่จำเป็นจริงๆ ที่คู่รักของคุณควรมี เรียงตามลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย เช่น ไม่เจ้าชู้ ใจเย็น เป็นที่พึ่งและเป็นที่ปรึกษาของเราได้ เป็นคนมีศีลธรรม ซื่อสัตย์ รักครอบครัว มีอารมณ์ขัน ฯลฯ แล้วลองพิจารณาหนุ่มคนใหม่ที่กำลังดูใจกันอยู่นั้น ว่ามีคุณสมบัติตามที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า หลังจากคบกันไปสักพักแล้วเขาเป็นคนที่คุณเปิดใจคุยได้ในเรื่องที่คุณไม่กล้าคุยกับใครมาก่อนหรือเปล่า อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่คุณต้องการทุกข้อหรอก เพราะฉะนั้นดูเขาในหัวข้อหลักๆ ที่คุณคิดว่าจำเป็นกับชีวิตคู่ก็น่าจะพอ

3. คุณเป็นคนอย่างไร จงเลือกคนที่เข้ากับคุณได้
ผู้ชายหลายคนเลือกผู้หญิงที่เข้ากับนิสัยของเขาได้ โดยไม่ยึดติดว่าจะคบกันมานานแค่ไหน แต่ผู้หญิงกลับมีนิสัยตรงกันข้าม เมื่อเธอคบกับใครสักคนก็ยังติดนิสัยเดิมๆ ว่าคนคนนี้เป็นคนที่เธอจะแต่งงานด้วย โดยที่ไม่ได้ดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบเลย ผู้หญิงที่รู้จักตัวเองและรู้จักเลือกคนที่เข้ากับตัวเองได้คือผู้หญิงฉลาดเลือก

4. รักแบบเพื่อน ปลอดภัยและมั่นคง
ภาษากรีกโบราณได้แบ่งความหมายได้ชัดเจนระหว่างคำว่า eros (รักใคร่) กับ agape (ความรักแบบเพื่อน) การตกหลุมรักใครสักคนเพราะเขามีอะไรดึงดูดใจและต้องการอยู่กับเขา นั่นเป็นสิ่งที่ชักนำเราให้เข้าไปหาใครคนหนึ่ง แต่การจะอยู่กับใครสักคนให้ยืนยาวนานนั้น ต้องการความสัมพันธ์แบบเพื่อน ดังนั้นคุณลักษณะหลายๆประการที่คุณคาดหวังว่าเพื่อนที่ดีของคุณต้องมีก็คือคุณลักษณะที่ดีของคู่ชีวิตนั่นเอง

5. ชัดเจนกับตัวเองและเขา ว่าคุณคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ครั้งนี้
คุณคาดหวังว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะยาวนาน หรือว่าอยากเป็นแค่เพื่อนกับเขาก็ขอให้บอกกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหนีเตลิดไปเสียก่อนเพราะกลัวการผูกมัก แต่ถ้าเขาจะไปก็ปล่อยเขาไป เพราะนั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณมองหา

6. อดีตและปัจจุบันเป็นตัวบอกอนาคต
คอยสังเกตคนที่จะมาเป็นว่าที่แฟนคนใหม่ของคุณว่า เขาปฎิบัติอย่างไรกับอดีตแฟน ครอบครัว หรือเพื่อน เช่น ถ้าเคยได้ยินเขาคุยกับผู้หญิงที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงไม่สุภาพ หรือพูดจาไม่ให้เกียรติผู้หญิงคนนั้น ก็รำลึกไว้เลยว่านั่นคือคุณในอนาคต และคุณจะไปเปลี่ยนแปลงนิสัยของเขาไม่ได้หรอก นิสัยและตัวตนที่แท้จริงของเขาก็คือตอนที่เขาอยู่กับครอบครัว คุณลองไปเที่ยวบ้านเขาแล้วลอบสังเกตดูสิว่าเขาปฎิบัติอย่างไรกับครอบครัว เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจ บางครั้งถ้าคุณไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชายของเขา เพื่อนบางคนอาจจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาที่คุณไม่เคยรู้ก็ได้

7. วิธีตัดสินปัญหาของเขา
หนึ่งในคำทำนายอนาคตว่าที่แฟนที่ดีข้อหนึ่งคือ ดูว่าผู้ชายคนนี้แก้ปัญหาอย่างไรเวลามีเรื่องทะเลาะกัน ถ้าเขาใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอันตรายถ้าเลือกจะครองคู่กับเขา ข้อแนะนำคือ ถ้าเราสังเกตเห็นว่าเขาชอบใช้กำลังตัดสินปัญหาและทำให้เรากลัว ก็ควรรีบถอยห่างจากผู้ชายประเภทนี้ทันที หรือสอบถามเพื่อนและคนใกล้ตัวเขาจะได้ข้อมูลมากกว่าที่เรามองเอง

8. สำหรับผู้หญิงที่มีลูกติดจากความรักครั้งเก่า
อันดับแรกที่คุณต้องสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือความรู้สึกของลูกคุณ จับเข่าคุยกับลูกอย่างตรงไปตรงมา แลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกซึ่งกันและกัน ฟังลูกให้มาก และอย่าเพิ่งรีบร้อนออกรับแทนผู้ชายคนใหม่


วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Happy Birth Day

Happy Birth Day น๊าเพื่อน

แกแก่ขึ้นอีกแล้วน้า ขอให้มีความสุขมากๆ

และวันนี้ก๋คงเป็นวันเกิดของใครอีกหลายคน

ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะค่ะ

โอมเพี้ยงๆๆๆๆ^^

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน


มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน

มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้องไห้คร่ำครวญ...
อยู่กับอดีตที่ผ่านไป
เพราะอย่างไรก็ไม่อาจแก้ไขได้ ทำอะไรไม่ได้


ไม่ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นจะผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน
เราก็ไม่มีโอกาสกลับไปเพื่อแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
สิ่งที่ทำได้ก็คือเอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียน
แล้วอย่ากลับไปทำผิดพลาดอย่างนั้นอีก
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียดาย...
กับอะไรบางอย่างที่เราได้สูญเสียไปแล้ว
เพราะต่อให้เป็นสิ่งที่ดี ที่สวยงามแค่ไหน
หรือรักมากอย่างไร
ถ้าได้สูญเสียไปแล้วก็ไม่มีทางได้กลับคืน
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกังวัลใจกับอนาคต...
สิ่งที่เราคิดว่าจะเกิด มันอาจจะไม่เกิดก็ได้
สิ่งที่เราคิดว่าใช่ แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่
หากจะมีอะไรทำให้ผิดหวังได้
ก็ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
ไม่ต้องรีบร้อนเสียใจไปล่วงหน้า
อยู่ตรงนี้กับเวลาตรงหน้านี้ดีกว่า
มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน
และความคิดดีๆต่างๆจะเกิด
พลังในตัวตนจะเกิด และในที่สุดแล้ว
ความสุขก็จะเกิด
"แก่นแท้ของชีวิต...
ไม่ใช่อดีตเคยเป็นอย่างไร
อนาคตจะเป็นอย่างไร
แต่คือปัจจุบันมีความสุขไหมต่างหาก"

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ของน่ารักๆที่ใครๆหลายๆคนชอบมากกกก

















แผ่นรองเม้าส์ USB Warmer


หน้าหนาวอากาศเย็นๆ แบบนี้ก็มี Gadget แก้หนาวมาให้ดูอีกแล้ว หลังจากมีถุงมือ USB คราวนี้ก็เป็นแผ่นรองเม้าส์แก้หนาว Brando มีทางเลือกมาให้สำหรับใครที่อาจจะไม่ถนัดอึดอัดกับการใส่ถุงมือ ก็ลองแผ่นรองเม้าส์สร้างความอุ่นที่ให้เราซุกมือเข้าไปใช้งานด้านในได้ โดยจะสามารถเสียบกับ USB เพื่อให้ความอบอุ่นเป็นฮีตเตอร์จิ๋วๆ ให้กับมือของเราได้เลย ซึ่งเราก็สามารถใช้งานเม้าส์ได้จากด้านในเป็นปกติ มีให้เลือกสองลายสองแบบคือ ลายปลาโลมาสีน้ำเงิน และลายสตรอเบอรี่คิกขุสีชมพู ราคาอยู่ที่ประมาณ 15 เหรียญสหรัฐ

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

7 วิธีการใช้อมพิวเตอร์แบบทำร้ายตัวเอง

หลังจากไปได้ up มานานวันนี้ก็เลยมีเรื่องดีดี ไว้ป้องกันตัวเองมาฝากเพื่อนๆนะค่ะ

7 วิธีใช้คอมพิวเตอร์ แบบทำร้ายตัวเอง

สำหรับคนที่อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องแผลงๆ มาทดลองและไม่เห็นค่าของความ “อโรคยา”…SHE’s smart ก็มีวิธีง่ายๆ มาสนองเจตนารมย์ค่ะ วิธีเหล่านี้ง่ายมากสามารถทำได้โดยใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดานี่แหละเป็นอุปกรณ์ แล้วก็ไม่เสียเวลามากด้วย เพราะเราสามารถบั่นทอนสุขภาพของตัวเองไปพร้อมๆ กับที่นั่งทำงานได้เลย เห็นมั้ยคะว่าสะดวกแค่ไหน ค่อยๆ ทำตามกันไปทีละข้อนะคับ

วิธีที่ 1 ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอ
เพราะ ระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างดวงตาของเรากับจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่ 20-24 นิ้ว ดังนั้นถ้าเรายื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้กว่านั้น ดวงตาเราก็จะได้รับทั้งรังสีปริมาณมาก และได้เพ่งจอใกล้ๆ ด้วย ผลที่จะได้ระยะสั้นคือปวดหัว ปวดตา ส่วนระยะยาวคืออาจจะเป็นต้อหินและตาบอดได้ในที่สุดคับ
วิธีที่ 2 ตั้งจอให้แสงสะท้อนเข้าตา
พยายามหันหน้าจอให้มีแสงจ้าๆ สะท้อนเข้าตาเรา เช่น วางจอไว้ใกล้หน้าต่างตอนกลางวัน หรือตั้งโคมไฟไว้ใกล้ๆ หน้าจอ เพราะแสงที่สะท้อนออกมาจากจอคอมพิวเตอร์สามารถทำให้ดวงตาของเราเมื่อยล้าได้ ง่ายๆ สมใจคับ

วิธีที่ 3 จ้องจอนานๆ
พยายาม จ้องจอคอมพิวเตอร์ให้มากกว่าครั้งละ 30 นาที ถ้าเริ่มรู้สึกปวดตาเมื่อไหร่แสดงว่าใช้ได้แล้ว เพราะนั่นหมายถึงดวงตาเริ่มล้าแล้ว ทำบ่อยๆ คุณภาพตาจะแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าไม่กระพริบตาเลยจะยิ่งดี เพราะจะทำให้ตาแห้ง แล้วก็แสบตาในที่สุด ส่วนแผนกระจกกรองแสงถ้ามีก็ถอดออกเสีย เพราะจะเป็นการกรองรังสีจากจอ ดวงตาจะปลอดภัยเกินไปคับ
วิธีที่ 4 นั่งให้ผิดท่า
ชุดเก้าอี้และโต๊ะที่ใช้ถ้าหาแบบที่ต่างระดับกันได้มากๆ จะทำให้ท่านั่งผิดสุขลักษณะ ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกที่แขน ไหล่ หลัง และคอ และเราสามารถเพิ่มระดับความอักเสบของกล้ามเนื้อให้มากขึ้นด้วยการนั่งที่ผิด ท่า นั่นก็คือเวลาใช้คอมพิวเตอร์อย่านั่งหลังตรง ให้นั่งค้อมไปข้างหน้าบ้าง แอ่นไปข้างหลังบ้าง
วิธีที่ 5 วางคีย์บอร์ดให้ผิดทาง
เวลาพิมพ์งานลองหามุมวางคีย์บอร์ดแล้วทำให้ต้องวางมือยากๆ ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์ควรกดแป้นพิมพ์แรงๆ เพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ จะเมื่อยและเจ็บนิ้ว และยังของแถมคือคีย์บอร์ดจะเจ๊งเร็วขึ้น เก้าอี้ที่ใช้ให้เลือกใช้แบบที่ไม่มีที่ให้วางแขน เพื่อที่แขนจะได้เกร็ง เมื่อเกร็งมากๆ ก็จะเมื่อยแขน ปวดไหล่ ปวดนิ้ว ลามไปถึงคอและหลังได้ด้วย
วิธีที่ 6 กินขนมหน้าคอมฯ
ให้หาขนมมากินขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะมีโอกาสที่เศษขนมหรือเกล็ดน้ำตาลจะหล่นลงไปในแป้นคีย์บอร์ด แล้วกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย ซึ่งถ้าเราใช้คีย์บอร์ดสลับกับกินขนมครั้งแบบนี้อีก เราอาจจะโชคดีได้ท้องเสีย เพราะนิ้วของเราย่ำยีอยู่กับแหล่งเพาะเชื้อตลอดเวลานั่นเอง
วิธีที่ 7 แช่แข็งตัวเองอยู่หน้าจอ
พยายามหาเรื่องอะไรมาทำให้ตัวเองเพลินๆ จะได้นั่งอยู่หน้าเครื่องนานๆ จะได้ลืมให้หมดว่าการที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบถนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เครียดจนเมื่อยจนปวด จะได้ลืมว่าควรกินน้ำชั่วโมงละ 1 แก้ว จะได้ลืมว่าถ้าปวดฉี่แล้วไม่ยอมไปห้องน้ำจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แค่คุณทำตาม 7 วิธีนี้ก็เชื่อว่าสุขภาพคุณคงจะย่ำแย่ลงได้บ้างล่ะคับ ถ้าอยากเจ็บป่วยแบบไหนก็เลือกกันตามอัธยาศัยเลยคับ เมื่อสุขภาพแย่ลงการทำงานก็จะแย่ลงไปด้วย และในที่สุดชีวิตคุณก็จะอับเฉาลงเรื่อยๆ ด้วย 7 วิธีนี้เราหวังว่าคุณจะสมหวัง


**ที่มา http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1291767

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องดีดีของชีวิต

เพื่อนๆคิดเหมือนเราไหมว่า ในแต่ละวัน เราก็ต้องมีเรื่องดีดีในชีวิต

วันนี้เป็นที่เรามีความากมาย มีความสุขมากๆๆๆอิอิ

แต่ก็ไม่รู้ว่าควาสุขอันนี้จะจากเราไปเมื่อไร

ว่ามั้ย.......

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กลับบ้าน

หวัดดีจ้าเพื่อนๆ หลังจากที่ไปเรียนมา 1 สัปดาห์ เย้เย้ วันนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว ดีใจมากมาย

ก็มันคิดถึงพ่อ กะ แม่ แล้วก็น้องหมานอ่ะนะ อิอิ

เพื่อนๆที่อยู่หอก็คงรู้สึกแบบเดี่ยวยกันช่ายป่ะหล่ะ อิอิ

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การบ้านอันหนักหนา

การบ้านเยอะมากมายเพื่อนๆ

เครียดเป็นที่สุด

เครียดๆๆๆๆๆๆ(เลยมาระบาย)>>น่าเกลียดเนอะ

เลขก็ยากขึ้น ส่วนฟิสิก เคมี ชีวะ อย่าพูดถึงเพราะมันยากอยู่แล้ว

เฮ้อ!!!! ไปนอนดีกว่า อิอิ

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนจริงๆแล้ว

หลังจากที่ไม่ได้ไปโรงเรียน 1 สัปดาห์

และต้องพบกับการบ้านเยอะแยะมากมาย

วันพรุ่งนี้ก็จะได้ไปพบกับเพื่อนที่น่ารัก(รึเปล่า)แล้ว

ดีใจมากมาย ^^