วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

มหาเวสสันดรชาดก

๑.กัณฑ์ทศพร
ความย่อ กล่าวถึงเหตุที่จะมีเรื่องเวสสันดรชาดกขึ้น กับเล่าเรื่องพระนางผุสดีในอดีตจนถึงทูลขอพร ๑๐ ประการ จากท้าวมัฆวารผู้ภัสดา พระนางผุสดีได้รับพรทิพย์ ๑๐ ประการ ในวันจะเกิดมาเป็นมารดาของพระเวสสันดร ณ เมืองสีพีราษฎร์ เนื้อเรื่อง เมื่อครั้งอดีตกาลที่ล่วงมา นครสีพีรัฐบุรีนั้นมีพระราชาพระนามสีพีราช ทรงครองเมืองโดยทศพิธราชธรรม พระราชาทรงยกบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน เมื่อเจริญวัยสมควรแล้ว พระราชโอรสมีพระนามว่า "สัญชัย" และได้อภิเษกกับพระนางผุสดี พระธิดาแห่งราชากรุงมัททราช พรจากภพสวรรค์ แต่ปางก่อนนั้นผุสดีเทวีเสวยชาติเป็นอัครมเหสีของพระอินทร์ เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึงขอกัณฑ์ทศพรจากพระอินทร์ได้ ๑๐ ข้อ ทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดง ถวายพระวิปัสสีพุทธเจ้า และอธิฐานให้ได้เกิดเป็นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย พร ๑๐ ข้อนั้นมีดังนี้
๑. ขอให้เกิดในกรุงมัททราช แคว้นสีพี
๒. ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย
๓. ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง
๔. ขอให้ได้นาม "ผุสดี" ดังภพเดิม
๕. ขอให้มีพระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป
๖. ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
๗. ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง
๘. ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ
๙. ขอให้ผิดพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ
๑๐. ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้

กัณฑ์ที่๒
ความย่อ กล่าวถึงปฏิสนธิพระนางผุสดี พระเวสสันดร และพระชาลี-กันหา ไปจนถึงพราหมณ์เมืองกลิงครัฐ ๘ คน มาทูลขอพญาช้างปัจจัยนาคจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรพระราชทานให้ ทำให้ชาเมืองแค้นเคืองใจ พากันเดินขบวนประท้วงทูลพระราชบิดาให้เนรเทศพระเวสสันดรไปอยู่เขาวงกตหรือประหารด้วยท่อนจันทน์ เนื้อเรื่อง ได้มาเกิดเป็นอัครชายา ของพระราชาแคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น พระนางยังมีพระสิริโฉมงดงาม ตามคำพร อีกด้วย ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือน พระอินทร์ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง ประสูติพระกุมาร วันหนึ่งพระนางผุสดี ทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร เมื่อขึ้นสีวิกาเสลี่ยงทองเสด็จสัญจร ไปถึงตรอกทาง ของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์ และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร" ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ พญาช้างฉัททันต์ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมี นั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์" พระราชกุมารเวสสันดร ทรงบริจาคทานตั้งแต่ ๔-๕ ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง ๙ ครั้ง เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า เมื่อทรงเจริญชันษาได้ ๙ ปี ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ และดวงหทัย เพื่อมุ่งพระโพธิญาณ ในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ครั้นถึงวัย ๑๖ พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา ๑๘ แขนง ทรงได้ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกกับพระนางมัทรี และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี" อันหมายถึง ห่วงทองบริสุทธิ์ เวลาต่อมาเมืองกลิงครัฐเกิดกลียุค ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล ๗ วัน เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง ๘ พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร เมื่อได้ช้างแก้วจากพระเวสสันดรแล้ว พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง บรรดาชาวนคร เห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง ๘ คน แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด

๓.กัณฑ์ทานกัณฑ์
ความย่อ กล่าวถึงพระราชมารดา รับอาสาไปทูลวิงวอนขอโทษพระเจ้ากรุงสัญชัย ให้ทรงลดหย่อนผ่อนโทษแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญมหาทาน เรียกว่า "สัตตสดกมหาทาน" แล้วทูลลาพระชนกชนนี ทรงขึ้นราชรถเวียนรอบเมือง มีพราหมณ์ ๔ คนมาทูลขอม้าและราชรถพระองค์ก็เปลื้องปลดพระราชทานให้ เนื้อเรื่อง พระเจ้ากรุงสัญชัยจำต้องเนรเทศพระราชโอรสด้วยเสียพระทัยนัก พระนางผุสดีทูลขออภัยโทษก็มิเป็นผลสำเร็จ พระเวสสันดรทูลลาพระมารดาพระบิดา และขอบริจาคทานให้พิธีสัตตสตกมหาทาน คือ ช้าง ม้า โคนม รถม้า ทาสและทาสี อย่างละ ๗๐๐ บริจาคให้คนทั่วไป สัตตสตกมหาทานนั้น คือ ช้าง ๗๐๐ เชือก ม้า ๗๐๐ ตัว โคนม ๗๐๐ ตัว รถม้า ๗๐๐ คัน นารี ๗๐๐ นาง ทาส ๗๐๐ คน ทาสี ๗๐๐ คน ผ้าอาภรณ์ ๗๐๐ ชิ้น เสด็จออกจากนครพระนางมัทรีพาพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จออกป่าด้วย มิทรงยอมอยู่ในวัง แม้พระเวสสันดร จะยับยั้งห้ามปราม มิให้มาตกระกำลำบากด้วยกันในป่า ระหว่างทางที่เสด็จ ขึ้นราชรถทองไปนั้น มีพราหมณ์ วิ่งมาทูลขอม้าบ้าง ขอราชรถบ้าง พระเวสสันดรก็ยกให้ทั้งสิ้น ในที่สุดจึงต้องทรงอุ้มพระโอรส และพระธิดา เสด็จเข้าป่าไป

๔.กัณฑ์วนประเวศน์
ความย่อ กล่าวถึงพระเวสสันดร มัทรี ชาลี กัณหา เสด็จมุ่งสู่ป่าเขาคีรีวงกต โดยอาศัยไมตรีจิตมิตรกษัตริย์ เมืองเจตราชทูล ระยะทาง จนกระทั่งถึง ทั้งสี่พระองค์ทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในนั้นเป็นเวลา ๗ เดือน กษัตริย์เจตราชแต่งตั้งพรานเจตบุตรเป็นผู้อยู่คอยพิทักษ์รักษาสวัสดิภาพของพระเวสสันดร เนื้อเรื่อง เมื่อเสด็จด้วยพระบาทถึงเมืองเจตรัฐ พระราชาเสด็จมาต้อนรับและทูลเชิญให้ครองเมืองเจตรัฐนั้น แต่ พระเวสสันดรขอไปบำเพ็ญเพียรในป่า กษัตริย์เจตรัฐจึงรับสั่งให้เจตบุตรคอยอารักขาในป่า และถวายน้ำผึ้ง และเนื้อให้พระเวสสันดรด้วย เมื่อพระเวสสันดรเดินทางมาถึงเขาวงกต พระนางมัทรีและชาลีกุมาร กัณหากุมารีต่างก็เหน็ดเหนื่อยสะอื้นไห้ ด้วยความลำบากยากเข็ญ พระเวสสันดรจึงทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นนุ่งห่มของนักบวช พระนางมัทรี ก็ทรงบวช เป็นดาบสินี บำเพ็ญศีลกันในป่าอยู่ที่อาศรม พระนางมัทรีต้องปัดกวาดอาศรมทุกวันแล้วก็หาผลไม้ในป่า ตักน้ำ มาเตรียมไว้

๕.กัณฑ์ชูชก
ความย่อ กล่าวถึงเฒ่าชราตาชูชก ได้เร่ร่อนขอทาบแล้วนำเงินไปฝากเพื่อนไว้ แต่เพื่อนก็นำเงินไปใช้จนหมด เมื่อชูชกไปทวงจึงไม่มีจะให้ จึงยกนางอมิตตดาธิดาสาวให้แทน นางปฏิบัติต่อสามีดี จนเป็นเหตุให้พราหมณี เพื่อนบ้านพากันอิจฉาด่าว่าตบตี เลยไม่ยอมทำงานนอก และแนะให้เฒ่าชูชกไปทูลขอสองกุมารมาเป็นข้าทาสรับใช้ เนื้อเรื่อง ชูชก ขอทานเฒ่า อีกด้านหนึ่งนั้น พราหมณ์นาม "ชูชก" ได้เที่ยวขอทานเก็บเงินได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์ จึงนำเงิน ไปฝากเพื่อนไว้พลางคุยอวดเศรษฐีอย่างปีตินัก จากนั้นก็ออกเดินทางตระเวนขอเงินสืบไป ส่วนพราหมณ์ผัวเมียเก็บเงินไว้นานแล้ว เห็นว่าชูชกไม่มาเอาสักที คิดว่าชูชกคงจะตายไปแล้ว จึงชวนกัน นำเงินนั้นออกมาใช้จ่ายเสียจนหมดทั้งสิ้น ครั้นชูชกหวนกลับมาทวงเอาเงิน สองผัวเมียก็ตกใจ งันงกมิรู้จะทำประการใด ด้วยความที่กลัวชูชกจะเอาความ จึงตกลงจะยกนางอมิตดาลูกสาวให้แก่ชูชกแทนเงินที่ใช้หมดไป นางอมิตดามีรูปงาม และวัยสาว ส่วนชูชกนั้นเฒ่าชรา และมีรูปลักษณ์อุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก เมื่อชูชกพานางอมิตดาไปอยู่กินด้วยกัน ที่หมู่บ้านทุนวิฐ พวกเมียพราหมณ์บ้านอื่น ต่างพากันริษยาอิจฉานางอมิตดา พราหมณ์ทั้งหมู่บ้าน ก็ชื่นชมนางอมิตดา จนมาทุบตีเมียตนกันทุกวัน ด้วยเพราะนางอมิตดานั้นเป็นบุตรกตัญญู เมื่อมาอยู่กับชูชกก็ปรนนิบัติรับใช้ทุกประการมิให้ขาดตกบกพร่อง วาจาก็ไพเราะ มิเคยขึ้นเสียง เหล่าเมียของพราหมณ์ จึงมาดักนางอมิตดาที่ท่าน้ำ รุมด่าว่านางอมิตดาที่มาเป็นเมียชูชกน่าเกลียดตัวเหม็นน่าขยะแขยง ยอมรับใช้ตาเฒ่าทุกอย่างน่าสมเพช นางอมิตดา ถูกรุมด่าก็หิ้วหม้อน้ำร้องไห้กลับบ้าน บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี จากพระเวสสันดร มาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน ด้วยความรักภรรยา เฒ่าชูชกจึงเตรียมข้าวตู และถั่วงาใส่ย่ามออกเดินทางไปยังเขาวงกตทันที ในระหว่างเดินทาง ตาเฒ่าชูชกแวะเวียนถามชาวบ้านว่า พระเวสสันดร เสด็จประทับอยู่ ณ ที่แห่งใด พวกชาวบ้านต่างก็ขว้างอิฐหินเข้าใส่ขอทานเฒ่า แล้วขับไล่ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ว่าเป็นไอ้พวกจัญไร มักขอเอาทุกอย่าง จนพระเวสสันดรตกระกำลำบาก เฒ่าชูชกเดินดุ่มเข้าป่า ไปเจอสุนัขของเจตบุตรที่อารักขาป่า สุนัขต่างวิ่งกรูเข้าไล่กัดขอทานเฒ่า จนต้องวิ่งขึ้นต้นไม้ด้วยตกใจเสียขวัญ

๖.กัณฑ์จุลพน
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางไปเขาวงกต พบพรานเจตบุตร ชุชกใช้กลอุบายหลอกว่าเป็นราชทูตของพระเจ้ากรุงสัญชัย พร้อมชูกลักพริก กลักขิงเสบียงกรังที่นางอมิตตดาจัดหาให้ ว่าเป็นพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสัญชัย จนพรานเจตบุตร หลงเชื่อ จึงชี้บอกทางให้ไปจนถึงอาศรมบทของพระอัจจุตฤาษี เนื้อเรื่อง พรานเจตบุตรผู้มีรูปร่างกำยำไว้หนวดแดงหน้าตาถมึงทึง ก็ถือหน้าไม้อาบยาพิษมาหาชูชกหมายจะฆ่าให้ตาย ตามคำสั่งกษัตริย์เจตรัฐ เฒ่าชูชกเจ้าเล่ห์คิดอุบาย เอาตัวรอดจึงตัวสั่นงันงกรีบร้องว่า ตนเองเป็นราชทูต ของพระราชา มาทูลเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับวัง เพราะพระราชาทรงอภัยโทษแล้ว พรานเจตบุตรได้ยิน ก็ดีใจจึงเชื่อคำเท็จนั้น จึงจัดเสบียงเพิ่มให้ชูชกและชี้ทางให้อีกด้วย

๗.กัณฑ์มหาพน
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางไปพบพระอัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงพระฤาษีให้หลงกลว่าเป็นกัลยาณมิตรของพระเวสสันดร จนได้พักค้างคืนกับพระฤาษี รุ่งขึ้นพระฤาษีได้ให้กินผลไม้ และชี้ให้ชมเขาลำเนาไพรพร้อมบอกระยะทางสภาพป่า และหนทางที่จะไปสู่เขาวงกตให้แก่ชูชก ซึ่งประกอบไปด้วย เขาใหญ่ สระน้ำ และสัตว์ป่านานาชนิด เนื้อเรื่อง เฒ่าชูชกเดินทางไปกลางป่า พบฤาษีอัตจุตก็เล่าความเท็จอีก ฤาษีจึงยอมชี้ทางไปอาศรมของพระเวสสันดร เมื่อไปถึงเป็นเวลาพลบค่ำ เฒ่าชูชกก็ซ่อนตัวบนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ เพราะนางคงไม่ยอมยกลูกให้ใครแน่

๘.กัณฑ์กุมาร
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางถึงอาศรมของพระเวสสันดร ได้หยุดพักผ่อนที่คาคบไม้ ๑ ราตรี รุ่งขึ้น เมื่อนางมัทรีเข้าป่า หาผลไม้แล้ว ชูชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอพระชาลีและกัณหา ก็ทรงประทานให้ สองกุมารได้ยิน จึงตกใจกลัว หนีไปซ่อนตัว อยู่ในสระ พระเวสสันดรได้ขอร้องให้ทั้งสองพระองค์ออกมา แล้วชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป เนื้อเรื่องเคราะห์ร้ายมาถึงและในคืนนั้นเอง พระนางมัทรีทรงสุบินร้ายว่า มีบุรุษผิวดำร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าย้อมฝาด สองหู ทัดดอกไม้แดง มือถือดาบใหญ่ ตรงเข้าจิกพระเกศาแล้วแทงดาบใส่ดวงพระเนตร ควักดวงตาออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นกรีดพระอุระควักเอาพระทัยไปทั้งดวง พระนางร้องลั่นสะดุ้งตื่นบรรทมพระวรกายสั่นสะท้าย รีบไปหาพระเวสสันดรเพื่อจะให้ทำนายฝัน แต่เมื่อเข้าไป ในอาศรมพระเวสสันดรก็ตรงตรัสว่า "น้องหญิงจงเล่าความอยู่ที่ข้างนอกเถิด" พระนางมัทรีทรงทูลเล่า พระสุบิน นั้นพระทัยสั่น พระเวสสันดรทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรุ่งเช้า แต่ทรงตรัส แก่พระนางว่าเป็น ความตรากตรำลำบาก จึงทำให้เกิดธาตุวิปริตดังนี้ เมื่อรุ่งเช้าพระนางมัทรีมีลางสังหรณ์ไม่อยากเสด็จเข้าป่า จึงตรัสสั่งพระโอรสและธิดาให้อยู่ใกล้ ๆ เสด็จพ่อ ครั้นพระนางมัทรีไปแล้ว เฒ่าชูชกจึงรีบเข้าไปยังบริเวณอาศรมทันที เมื่อพระกุมารชาลีเข้าไปถามต้อนรับ ชูชกสังเกตรู้ว่าพระกุมารเป็นเด็กฉลาด จึงทรงร้องตวาดไล่ ไปด้วยหวังจะข่มให้กลัวแล้วหนีไป แล้วเฒ่าชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดร พยายามอ้างถึง ความลำบากยากเข็ญ นานาประการ ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้ ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากตนจนยากไม่มีเงินซื้อทาสได้ พระเวสสันดรทรงตรัสอนุญาต ชาลีกุมารแอบได้ยินจึงพาน้องสาวไปซ่อนที่ใต้ใบบัวข้างสระน้ำเฒ่าชูชกเห็นเด็กทั้งสองหายไป ก็แกล้งติเตียนตัดพ้อพระเวสสันดรด้วยคำบริภาษว่า "ไหนล่ะ ที่พระองค์บริจาคทาน ปากยกให้แต่ไหนละเด็กร้ายทั้งสองคงจะคิดหนีไปแล้ว พระองค์มิได้มีจิตบริจาคทานตามที่ลั่นสัจจะไว้เลย" เมื่อสดับดังนั้น พระเวสสันดรจึงทรงเสด็จ ออกตามหาทั่วบริเวณ ชาลีราชกุมารมิอยากให้พระราชบิดาออกร้องเรียก นานไป จึงจูงน้องออกมา พระเวสสันดร ขอให้กัณหา ชาลี ติดตามเฒ่าชูชกไปเถิด แต่ให้รอร่ำลาพระนางมัทรีก่อน เฒ่าชูชกไม่ยอมฟัง รีบหาเชือกเถาวัลย์มาผูกมัดพระโอรสพระธิดา แล้วเอาหวายเฆี่ยนตี ต่อหน้าพระเวสสันดร พลางฉุดกระชากลากไปอย่างโหดเ**้ยม กัณหา ชาลี ถูกตีรุนแรงก็ร่ำไห้หาพระบิดาพระมารดา พระเวสสันดรทรงกันแสง แต่ก็ตั้งมั่นในสัจจะที่พระองค์ตั้งจิตไว้ ก่อนไปนั้นชูชกว่า ถ้าจะไถ่ตัว กันหาชาลีได้ต้องให้ ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองคำ สิ่งละ ๑๐๐ แก่ชูชก ครั้นเมื่อเฒ่าร้ายนำตัวพระกุมารและกุมารีไปแล้ว ก็ให้เกิดอัศจรรย์ดินฟ้าวิปโยค ครืนครั่น ฟ้าผ่าน่าสะพรึงกลัวไปทั่วป่าหิมพานต์

๙.กัณฑ์มัทรี
ความย่อ กล่าวถึงพระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ แล้วเจอเหตุการณ์มหัศจรรย์ต่าง ๆ จึงเดินทางกลับอาศรม ก็เกิดพายุใหญ่ มืดครึ้มไปทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีสิงห์สาราสัตว์ร้าย มาขวางทางไว้ เมื่อมาถึงอาศรมได้ทราบความ ทำให้พระองค์ เสียพระทัยมาก จนสลบไป หลังจากฟื้นคืนสติกลับมา พระนางก็อนุโมทนากับพระเวสสันดรด้วย เนื้อเรื่องรุ่งเช้าพระนางมัทรี เข้าป่าหาผลไม้ "เกิดเหตุแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ผลไม้เผือกมันช่างหายากที่สุด ไม่ว่า จะเป็นมะม่วงมัน ลูกจันทน์ ลิ้นจี่ น้อยหน่า สาลี่ ละมุด พุทรา ไม่มีให้เก็บเหมือนดังกับวันก่อน นางรีบย้อนกลับเคหา ก็เกิดพายุใหญ่ จนมืดครึ้มไปทั่วทั้งป่า ท้องฟ้าสีแดงปานเลือดละเลง ทั้งแปดทิศปรากฎมืดมนไปหมดอย่างไม่เคยมี พระนางทรงห่วงหน้าพะวงหลัง เกรงจะมีภัยแต่พระเวสสันดรา กัณหาและชาลีพระนางมัทรีรีบยกหาบใส่บ่ารีบเดินทาง พอถึงช่องแคบระหว่างเขาคีรี เป็นตรอกน้อยรอยวิถีทาง ที่เฉพาะจะต้องเสด็จผ่าน ก็พบกับสองเสือสามสัตว์มานอนสกัดหน้า เทวดาสามองค์แปลงร่างเป็นราชสีห์ เสือเหลือง เสือโคร่งสกัดทางนางไว้เพื่อมิให้พระนางมัทรีติดตามกัณหา ชาลีได้ทัน แต่ถึงกระนั้น เมื่อยามทุกข์เข้าบีบคั้น ความรักลูก ความห่วงพระภัสดา พระนางจึงก้มกราบวิงวอน ขอหนทางต่อพญาสัตว์ทั้งสาม เมื่อได้หนทางแล้ว พระนางก็รีบเสด็จกลับอาศรม เมื่อมาถึงอาศรม ไม่พบกัณหา ชาลี พระนางก็ร้องเรียกหาว่า"ชาลี กัณหา แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนไยพระลูกแก้ว จึงไม่มารับเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนร่อนชะไรสิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมารับพระมารดา เคยแย้มสรวลสำรวจร่า ระรื่นเริงรีบรับเอาขอคาน แล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลี ก็จะรับเอาผลไม้ แม่กัณหาก็จะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลาง เจ้าเคยฉอเลาะแม่ต่าง ๆ ตามประสาทารกเจริญใจฯ" บัดนี้ลูกรักทั้งคู่ไปไหนเสีย จึงมิมารับแม่เล่า ครั้นเข้าไปถามพระเวสสันดรก็ถูกตัดพ้อต่อว่าต่าง ๆ จนพระนางมัทรีถึงวิสัญญีภาพสลบลง พระเวสสันดรทรงปฐมพยาบาลจนพระนางมัทรีฟื้น แล้วจึงแจ้งความจริงว่า พระองค์ได้ทรงยกลูกรักชายหญิงทั้งสอง มอบให้แก่ชูชกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน พระนางก็อนุโมทนาซึ่งทานนั้นด้วย

๑๐.กัณฑ์สักกบรรพ
ความย่อ กล่าวถึงพระอินทร์ เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพรเวสสันดร พระโพธิญาณ จักเป็นอันตราย จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยห้ามประทานนางแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แก่พระเวสสันดร แล้วจึงเสด็จกลับสู่สวรรค์ เนื้อเรื่อง ขณะนั้นท้าวสหัสนัยบนสวรรค์ เกรงว่าจะมีชายโฉดมาทูลขอพระนางมัทรี จึงจำแลงกาย เป็นนักบวชชรา มาทูลขอ พระนาง พระเวสสันดรทรงยินดีบริจาคทานให้ แต่นักบวชชราเมื่อได้รับแล้วก็ไม่เอาไป กลับถวายคืน แก่พระเวสสันดร โดยห้ามพระองค์ประทานนางแก่ผู้ใดอีก ก่อนกลับองค์อินทร์ ได้ประสาทพรให้พระเวสสันดร ๘ ประการ คือ
๑. ให้ทรงได้รับอภัยโทษ
๒. ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้
๓. ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา
๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น
๕. ให้ได้สืบสันติวงศ์
๖. ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น
๗. ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า
๘. ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที

๑๑.กัณฑ์มหาราช
ความย่อ กล่าวถึงชูชกได้พาสองกุมารหลงทางไปจนถึงเมืองสีพี จนกระทั่งได้พบกับพระเจ้าปู่พระเจ้าย่า จึงรับสั่งให้ ไถ่ถอนตัวทั้งสองพระองค์ และพระราชทานเลี้ยงอาหารชั้นดีแก่ชูชก ชูชกไม่มีวาสนาเพราะบริโภคมากเกินไป เป็นเหตุให้ไฟธาตุพิการอาหารไม่ย่อยจนถึงแก่ความตาย พระเจ้าสญชัยรับสั่งให้เตรียมกองทัพไปรับสองพระองค์ เนื้อเรื่องด้านชูชกเฒ่านั้นฉุดลากสองกุมารน้อยไปพลางทุบตีไปพลาง ด้วยหวังจะกลับไปหาภรรยาโดยเร็ว เมื่อถึงทางแยก เข้าเมืองกลิงคราฐ เทพยดาก็ดลบันดาลให้ชูชกเดินเข้ามาในเมืองสีพีรัฐ พระเจ้ากรุงสัญชัยก็ได้ทรงสุบินประหลาดว่า มีชายอัปลักษณ์นำดอกบัวตูมและดอกบัวบานมาถวายให้ พระองค์ รับมาทัดที่พระกรรณแล้วก็ทรงตื่นบรรทม เหล่าโหรก็ถวายคำทำนายว่า พระราชวงศ์ที่จากพลัดไปจะเสด็จคืนวัง วันรุ่งขึ้นนั้นเฒ่าชูชกจูงกุมารน้อยผ่านหน้าพระลาน พระราชาทรงเฉลียวพระทัย จึงให้เรียกตัวเฒ่าอัปลักษณ์ และกุมารน้อย มอมแมมแต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งนั้นเข้ามาเฝ้า เมื่อพระราชาสอบถาม ชูชกก็กราบทูลว่า ได้รับบริจาคมา มิได้ไปฉุดคร่ามาที่ใด พระราชาจึงทรงรู้ว่า ๒ กุมารน้อยนั้นเป็นหลานของพระองค์ จึงทรงไถ่ตัวหลาน และพระราชทานรางวัล ให้แก่ชูชกมากมาย ทั้งยังจัดอาหารคาวหวานชั้นเลิศมาให้แก่ชูชกอีกด้วย ขอทานเฒ่าไม่เคยเห็นอาหารชั้นดี มีความโลภจะกินให้หมด จึงกินเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่งท้องแตกตายไป พระราชาเจ้ากรุงสัญชัยทรงจัดพิธีเวียนเทียนบายศรี สมโภชรับขวัญหลานเป็นที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ครั้นแล้วก็ทรงถามถึงพระนางมัทรีและพระเวสสันดร ที่จากไปนานเป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วันแล้ว "พระมารดาทรงลำบากเหลือแสนพระเจ้าข้า" ชาลีราชกุมารทูลพระราชาด้วยสุระเสียงกำสรวลยิ่งนัก เสด็จคืนเวียงวัง พระราชาจึงทรงให้จัดขบวนแต่งกองเกียรติยศ ยกออกนครไปรับพระเวสสันดร กลับสู่เวียงวังด้วยทรงคิดถึงราชบุตรและสำนึกผิดแล้ว

๑๒.กัณฑ์ฉกษัตริย์
ความย่อ กล่าวถึงพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนา เดินทางไปถึงเขาวงกต กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกัน ในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน ก็ทรงวิปโยคโศกศัลย์จนถึงวิสัญญีภาพสลบลง ฝนโบกขรพรรษ บันดาลตกลงมา ให้ทรงฟื้น แล้วพากันขอลุโทษและทูลอาราธนาให้ลาผนวช เนื้อเรื่องการเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนาเป็นขบวนเสด็จ จากรุงเชตุดรนครหลวง ถึงเขาวงกตเป็นระยะทาง ๖๐ โยชน์ เท่ากับ ๙๖๐ กิโลเมตร กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกันด้วยในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน จึงได้ร่วมเดินทางไปยังเขาวงกตพร้อมกัน กองขบวนเกียรติยศ พร้อมมโหรีและไพร่พล ก็เคลื่อนสู่ป่าด้วยเสียงอันกึกก้องลั่นป่า พระเวสสันดรเข้าพระทัยว่า กองในพระราชวังคงจะมาประหารพระองค์ จึงทรงพาพระนางมัทรีไปหลบซ่อนในพุ่มไม้ ครั้นพระเจ้ากรุงสัญชัยบอกความให้ทราบ พระนางมัทรีก็ออกมาถวายบังคม ต่างก็ร่ำไห้ด้วยสลดใจ กันถ้วนทั่ว ในเคราะห์กรรมนี้ แม้บรรดาเสนาอำมาตย์และนางกำนัลต่างก็ร้องไห้กันทั่ว พระราชาตรัสให้พระเวสสันดรลาผนวชกลับคืนสู่เวียงวัง พระนางผุสดีก็ขอให้พระนางมัทรีคืนสู่พระราชวังเถิด พระนางมัทรีได้แต่กันแสงสวมกอดกัณหาพระธิดา และพระโอรสชาลีไว้แนบอกด้วยทรงคิดถึงยิ่ง บริเวณป่า เต็มไปด้วย เสียงคร่ำครวญระงมจนหมดสติไปทั้งสิ้น พระอินทร์บนสรวงสวรรค์เล็งทิพยเนตรเห็นดังนั้น จึงทรงบันดาลสายฝนให้โปรยปรายเป็นอัศจรรย์ ในป่าชุ่มชื้นด้วยในโบกขรพรรษที่มิสาดให้ผู้ใดเปียกปอน บรรดาพระราชวงศ์ก็ทรงฟื้นขึ้นมา ด้วยความแช่มชื่นปราโมทย์ หลังจากนั้นได้ขอลุแก่โทษ และทูลอาราธนาให้พระเวสสันดรทรงลาผนวช

๑๓.กัณฑ์นครกัณฑ์
ความย่อ กล่าวถึงพระเวสสันดรเมื่อลาผนวชแล้ว ทรงสั่งลาพระอาศรม รับพระราชทานเครื่องทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับ ไปครองเมืองสีพี ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนพระชนมายุ ๑๒๐ พรรษา จึงสวรรคต แล้วไปปรากฏอุบัติเป็น ท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดุสิต เนื้อเรื่องเมื่อทรงลาผนวชแล้ว ทรงสั่งลาพระอาศรม รับเครื่องทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับไปครองเมืองสีพี พระเวสสันดรเสด็จขึ้นครองราชย์ครองแผ่นดิน ทำให้ไพร่ฟ้าเสนาอำมาตย์มีสุขสงบกันทั่วทั้งแคว้น ชาวเมือง ต่างก็หมั่นถือศีลบำเพ็ญกุศล ตามสัตย์อธิษฐานของพระเวสสันดร กษัตริย์เมืองกลิงคราฐ ก็นำช้างปัจจัยนาเคนทร์ มาถวายคืน เพราะบ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาลแล้ว พระเวสสันดรก็ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม และยังคง ทรงบริจาคทาน จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ พรรษาจึงสวรรคตแล้วไป ปรากฎอุบัติเป็นท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดุสิตรวมระยะเวลาที่พระเวสสันดร มัทรี ชาลี กัณหา ต้องนิราศ จากพระนครไปอยู่ป่า เป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วัน

ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?s=7dfb4faba5ec30c20a30ac2ce24aaf75&t=2695&page=2

ข้อสอบ online

1. เว็บใดไม่ให้บริการสืบค้นข้อมูล
ก. YAHOO
ข. ALTAVISTA
ค. THAISEEK
ง. HOTMAIL
ตอบ ง.
เพราะ เว็บของ hotmail เป็นเว็บที่ให้บริการของ e-mail ไม่ได้บริการของการสือค้นข้อมูล

2. Time sharing คืออะไร
ก. ยี่ห้อคอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ยานอวกาศเดินทางได้เร็วกว่าแสง หรือเทียบเท่า
ข. ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแบ่งใช้หน่วยประมวลผลกลางเครื่องเดียวกัน
ค. ระบบ Internet ที่ใช้เวลาในการตัดสินการเข้าถึงข้อมูล จาก ISP คนละจุด
ง. ชื่อ CPU รุ่นใหม่ที่ออกแบบ โดย Intel corporation
ตอบ ข.
เพราะ ระบบแบ่งเวลา (Time-sharing หรือ Multitasking)
เป็นการขยายระบบ multiprogramming ทำให้สามารถสับเปลี่ยนงานของคนหลาย ๆ คนเข้าสู่ซีพียู ซึ่งการสับเปลี่ยนที่ทำด้วยความเร็วสูงจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนครอบครองซีพียูอยู่เพียงผู้เดียว
ที่มา : http://www.thaiall.com/os/os01.htm

3. Multiprocessing คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก

4. ฐานข้อมูล (Database) จะแก้ปัญหาเรื่องใดต่อไปนี้ไม่ได้
ก. การซ้ำซ้อนของข้อมูล
ข. ผู้ใช้ไม่ต้องการข้อมูล
ค. ความไม่ทันสมัยของข้อมูล
ง. ข้อมูลไม่เชื่อมโยงถึงกัน
ตอบ ข.

5. LAN คืออะไร ในเรื่องของคอมพิวเตอร์
ก. สัตว์ชนิดหนึ่งที่ ชาวบ้านมักนำมาผัดเผ็ด หรือลาบ
ข. ระบบ Internet ระบบใหม่ ที่ทำให้ทุกหน่วยงานเชื่อมต่อ Internet ได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
ค. ระบบเครือข่ายระยะใกล้ (Local Area Network)
ง. ระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Long Area Network)
ตอบ ค.
เพราะ แลน (LAN) หรือ ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ (Local Area Network) เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันทั้งหมดโดยอาศัยสื่อกลาง มีการแบ่งแยกเครือข่ายออกเป็น 2 รูปแบบการเชื่อโยงคือ การเชื่อมโยงภายในพื้นที่ระยะใกล้หรือ แลน (LAN) และการเชื่อมโยงระยะไกลหรือแวน (WAN)
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99

6. ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดที่เป็นพื้นฐานของภาษา DELPHI
ก. C
ข. BASIC
ค. PASCAL
ง. RPG
ตอบ ค.
เพราะ DelphiDelphi ก็มีรากมาจากภาษา Pascal ซึ่งเป็นภาษาในค่ายของ Wirth นั่นเอง แนวคิดของ Wirth ออกจะดูไม่ค่อยเหมือนภาษาอื่นๆ ตรงที่ เขาต้องการให้ภาษานั้นเรียนรู้ได้ง่าย มี syntax น้อย และที่สำคัญคือ โปรแกรมจะต้องกำหนดทุกอย่างให้เป็นระเบียบ ตามแบบคนเป็นอาจารย์นั่นแหละครับ
ที่มา : http://www.twoguru.com/playground/article/languages.htm

7. NLQ (Near letter quality) คืออะไร
ก. คุณสมบัติของเครื่อง laser printer ท่านจะเห็นได้ที่ใต้เครื่อง laser printer ทุกยี่ห้อ
ข. คุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ Dot matrix ที่ทำให้เครื่องพิมพ์พิมพ์ตัวอักษรได้คมชัดที่สุด
ค. คุณสมบัติที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของ DRAFT ในเครื่องพิมพ์ Dot matrix
ง. ชื่อเครื่องพิมพ์ Laser printer เครื่องแรกของโลกที่ถูกออกแบบโดย Bill gate
ตอบ ข.
เพราะ NLQเอ็นแอลคิว ความหมายย่อมาจาก near letter quality (คุณภาพเกือบคมชัด) แปลตามตัวอักษรว่า เกือบเหมือนตัวพิมพ์ดีด ใช้เป็นคำอธิบายถึงคุณภาพของเครื่องพิมพ์ว่า สามารถพิมพ์ได้เกือบคมชัด หรือใกล้เคียงตัวพิมพ์ดีด เครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพ จะมองดูเหมือนการนำจุดมาเรียงกันให้เป็นรูปตัวอักษร ฉะนั้น เครื่องพิมพ์ชนิดที่มีจุดมาก ๆ ติด ๆ กัน จะทำให้ความคมชัด (high resolution) ตัวอักษรที่พิมพ์ออกมา จะดูสวยและประณีต เหมือนตัวพิมพ์ดีด การวัดคุณภาพของเครื่องพิมพ์ จึงวัดเป็นจำนวนจุดต่อนิ้ว เช่น 600 จุดต่อนิ้ว ย่อมดีกว่า 300 จุดต่อนิ้ว เป็นต้น (300 จุดต่อนิ้ว พอจะเรียกได้ว่า คุณภาพเกือบคมชัด) ดู printer และ letter quality ประกอบ
ที่มา : http://guru.sanook.com/dictionary/dict_comp/NLQ/

8. NS หรือ Nanosecond มีอัตราส่วนเท่าใด
ก. "1/1,000 วินาที"
ข. "1/1,000,000 วินาที"
ค. "1/1,000,000,000 วินาที"
ง. "1/1,000,000,000,000 วินาที"
ตอบ ค.
เพราะ 1 nanosecond (ns หรือ nsec) คือ 1 ส่วน พันล้าน (1/1,000,000,000) หรือ 10^-9 ของวินาที และโดยทั่วไปใช้วัดเวลาของการอ่าน หรือเขียนที่เข้าถึงหน่วยความจำชั่วคราว (RAM)
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

9. 1 KB (กิโลไบต์) มีกี่ Byte (ไบต์)
ก. 1024
ข. 8
ค. 256
ง. 65536
ตอบ ก.
เพราะ KB หรือ 1 Kilobyte = 1024 Byte ครับเพราะ คอมพิวเตอร์มันทำงานเป็น เลขฐาน 2 คือ มี 0 กับ 1ดังนั้น 2 ยกกำลัง 10 = 1024 แต่เราเรียกว่า 1 Kiloดังนั้น 1 Kilo Byte จึงเท่ากับ 1024 Byte ครับ
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vcafe/48714

10. Octal number หมายถึงเลขฐานใด
ก. 2
ข. 8
ค. 16
ง. 256
ตอบ ข.
เพราะ
ระบบเลขฐานแปด (Octal Number System)ระบบเลขฐานแปดเป็นระบบเลขที่มีเลขโดดที่ใช้ทั้งหมดแปดตัวเรียงตามลำดับค่าดังนี้ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ซึ่งเป็นระบบเลขที่มีความสำคัญมากอีกระบบหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาวงจรในระบบดิจิตอลคอม พิวเตอร์
ที่มา : http://www.geocities.com/edward881th/octal.htm

11. 1 GB (กิกะไบต์) มีกี่ MB (เมกะไบต์)
ก. 256
ข. 8
ค. 1024
ง. 65536
ตอบ ค.
เพราะ 1 MB (เมกกะไบต์) = 1024 KB
1 GB (กิกะไบต์) = 1024 MB
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vcafe/48714

12.ความเร็ว 1 millisecond หมายถึงเท่าใด
ก. 1 ต่อล้านวินาที
ข. 1 ต่อพันวินาที
ค. 1 ต่อพันล้านวินาที
ง. 1 ต่อล้านล้านวินาที
ตอบ ข.
เพราะ 1 Millisecond (ms หรือ msec) คือ 1 ส่วนพัน(1/000 ของวินาที และโดยทั่วไปใช้วัดเวลาของการอ่าน หรือเขียนจากฮาร์ดดิสก์ หรือ เครื่องเล่น CD-ROM หรือการวัดเวลาเดินทางแพ็คเกตบนอินเตอร์เน็ต
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

13.ความเร็ว 1 microsecond หมายถึงเท่าใด
ก. 2 ต่อพันล้านวินาที
ข. 1 ต่อพันวินาที
ค. 1 ต่อล้านวินาที
ง. 2 ต่อล้านล้านวินาที
ตอบ ค.
เพราะ microsecond คือ 1 ส่วน ล้าน (1/1,000,000) หรือ 10^-6 ของวินาที
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

14. ความเร็ว 1 nanosecond หมายถึงเท่าใด
ก. 3 ต่อล้านล้านวินาที
ข. 3 ต่อล้านวินาที
ค. 1 ต่อพันวินาที
ง. 1 ต่อพันล้านวินาที
ตอบ ง.เพราะ 1 nanosecond (ns หรือ nsec) คือ 1 ส่วน พันล้าน (1/1,000,000,000)
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

15.ความเร็ว 1 picosecond หมายถึงเท่าใด
ก. 1 ต่อล้านล้านวินาที
ข. 4 ต่อล้านวินาที
ค. 4 ต่อพันล้านวินาที
ง. 1 ต่อพันวินาที
ตอบ ก.
เพราะ picosecond คือ 1 ส่วนล้านล้าน ( 1/1,000,000,000,000) หรือ 10^-12 ของวินาที หรือ 1 ส่วนล้านของ microsecond
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

16.คำว่า RGB ที่เกี่ยวกับสี RGB นั้นย่อมาจากอะไร
ก. RED GREAT BLANK
ข. RED GREEN BLUE
ค. REAL GROUP BEST
ง. RIGHT GIVE BEST
ตอบ ข.
เพราะ ระบบสี RGB
การผสมสีRGB ย่อมาจาก red, green และ blue คือ กระบวนการผสมสีจากแม่สี 3 สี คือสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน การใช้สัดส่วนของสี 3 สีนี้ต่างกัน จะทำให้เกิดสีต่างๆ ได้อีกมากมาย
ระบบสี RGB เป็นระบบสีที่เกิดจากการรวมกันของแสงสีแดง เขียว และน้ำเงินโดยมีการรวมกันแบบ Additive ซึ่งโดยปกติจะนำไปใช้ในจอภาพแบบ CRT (Cathode ray tube) ในการใช้งานระบบสี RGB ยังมีการสร้างมาตรฐานที่แตกต่างกันออกไปที่นิยมใช้งานได้แต่ RGBCIE และ RGBNTSC
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B5_RGB

17.โปรแกรมใดเป็น Browser ของ บริษัท Microsoft
ก. Opera
ข. Netscape
ค. Neoplanet
ง. Internet Explorer
ตอบ ง.

18. MODEM คืออะไร
ก. อุปกรณ์แปลงสัญญาณ Digital ไปสู่สัญญาณ Analog และจากสัญญาณ Analog กลับมาเป็นสัญญาณ digital ซึ่งใช้ประโยชน์ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านสัญญาณเช่น โทรศัพท์ เป็นต้น
ข. อุปกรณ์สร้างภาพ 3 มิติให้กับเกมส์ของบริษัท SEGA รุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และออกวางตลาดในปี 2542 และแพร่หลายอย่างรวดเร็วไปในทุกประเทศ
ค. ชื่อของจรวดทำลายชนิดใหม่ ที่ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์สำหรับนำวิธีมีขนาดเล็กเท่าปากกา พกพาได้สะดวก แต่มีพลังทำลายเทียบเท่าหรือมากกว่า 10 กิโลเมตร แต่มีข้อดีคือไม่มีการแผ่รังสี แต่อย่างใด
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก.
เพราะ โมเดม (Modem)
โมเดม เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ ให้สามารถส่งสัญญาณผ่าน
สายโทรศัพท์เพื่อติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้
โมเดมจะมีทั้งชนิดเชื่อมต่อภายนอก (External Modem) และชนิดที่เป็นการ์ดอยู่ภาย
ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Internal Modem) ที่มา : http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/NetWork/modem.htm

19. Multitasking คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.

20. Multiprogramming คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข.

Krathong time

Loi krathong festival is on November 12. The moon will be full. Thais will celebrates and decide which type of krathong you will using this year.Loi kratong means to paying respect to Mae King ka. Thanks for give water to use ib he crop and life. But there's a problem. When we floated the krathong, The krathongs will block the canals and rivers. So it make the environment unsightly. that's mean you have to think befor you float that which krathongs don't destroy the environmental. I advice you to use the krathong that made from natural materials such as banana tree. Why? Because It's a biodegradable that means it doesn't effect the environment. I do not support you to use foam. I know that foam is good because they don't sink. But remember the environment is the first thing we have to conseve.

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

Proud of Thailand

Thailnd is the independent country. We have own government and free to do things without needing control from other countries. We are free on religion and we have our own language. I'm Thai and Thailand made me feel really proud of many things. First I'm proud of the kings. Since ancestor until now. King Poomipol Aduladech maharach. He's govern and work hard to make Thais happy. He help thais to away from drought by "Artificial rain". He invented a lot of project to develop and help Thais. He goes everywhere that waiting him for helping and he nerver devide the class. He's a humour and I'm praise and respect him. The second thing. I'm proud of our traidition and culture. We "waii" to pay respect to a person who older. We respect and obey our parents and everone who kindness. We have Loi krathong festivl. We float the Krathings in tp the river. to thanks Pra mae Kong ka for water. And the special is "Songkran festival". We splash water to another and give to time to go back home and meet the family.We have our deliicious food such as Tom yam Kung. And the third thing. I'm proud of Siam Muang Yim. Thais alway smile and almost are kindness. I'm really so proud of my country.

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

งานเข้า

งานเข้าค่ะพี่น้อง ต้องเอาการบ้านลงBlogด้วยหรือนี่

ลืมสนิทเลยอ่ะ เซ็งเลย

แล้วภาษาอังกฟษจะทำยังไงหล่ะค่ะ กรี๊ด

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

Happy New Year

เย้เย้ ปีใหม่แล้วนะ ขอให้เพื่อนทุกๆคนมีความสุขมากๆนะค่ะ

อยากได้อะไรก็ขอให้ได้แล้วกันนะ

โชคดีค่ะ เที่ยวให้สนุกด้วยนะ แต่อย่าลืมของฝาก