วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

MV

หวัดดีเพื่อน เอาMVของเรามาให้ดูกันนะ

CLIKE: http://www.4shared.com/file/88143296/a6bcc73e/26_Prapipis.html

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

มหาเวสสันดรชาดก

๑.กัณฑ์ทศพร
ความย่อ กล่าวถึงเหตุที่จะมีเรื่องเวสสันดรชาดกขึ้น กับเล่าเรื่องพระนางผุสดีในอดีตจนถึงทูลขอพร ๑๐ ประการ จากท้าวมัฆวารผู้ภัสดา พระนางผุสดีได้รับพรทิพย์ ๑๐ ประการ ในวันจะเกิดมาเป็นมารดาของพระเวสสันดร ณ เมืองสีพีราษฎร์ เนื้อเรื่อง เมื่อครั้งอดีตกาลที่ล่วงมา นครสีพีรัฐบุรีนั้นมีพระราชาพระนามสีพีราช ทรงครองเมืองโดยทศพิธราชธรรม พระราชาทรงยกบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน เมื่อเจริญวัยสมควรแล้ว พระราชโอรสมีพระนามว่า "สัญชัย" และได้อภิเษกกับพระนางผุสดี พระธิดาแห่งราชากรุงมัททราช พรจากภพสวรรค์ แต่ปางก่อนนั้นผุสดีเทวีเสวยชาติเป็นอัครมเหสีของพระอินทร์ เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึงขอกัณฑ์ทศพรจากพระอินทร์ได้ ๑๐ ข้อ ทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดง ถวายพระวิปัสสีพุทธเจ้า และอธิฐานให้ได้เกิดเป็นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย พร ๑๐ ข้อนั้นมีดังนี้
๑. ขอให้เกิดในกรุงมัททราช แคว้นสีพี
๒. ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย
๓. ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง
๔. ขอให้ได้นาม "ผุสดี" ดังภพเดิม
๕. ขอให้มีพระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป
๖. ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
๗. ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง
๘. ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ
๙. ขอให้ผิดพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ
๑๐. ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้

กัณฑ์ที่๒
ความย่อ กล่าวถึงปฏิสนธิพระนางผุสดี พระเวสสันดร และพระชาลี-กันหา ไปจนถึงพราหมณ์เมืองกลิงครัฐ ๘ คน มาทูลขอพญาช้างปัจจัยนาคจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรพระราชทานให้ ทำให้ชาเมืองแค้นเคืองใจ พากันเดินขบวนประท้วงทูลพระราชบิดาให้เนรเทศพระเวสสันดรไปอยู่เขาวงกตหรือประหารด้วยท่อนจันทน์ เนื้อเรื่อง ได้มาเกิดเป็นอัครชายา ของพระราชาแคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น พระนางยังมีพระสิริโฉมงดงาม ตามคำพร อีกด้วย ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือน พระอินทร์ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง ประสูติพระกุมาร วันหนึ่งพระนางผุสดี ทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร เมื่อขึ้นสีวิกาเสลี่ยงทองเสด็จสัญจร ไปถึงตรอกทาง ของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์ และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร" ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ พญาช้างฉัททันต์ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมี นั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์" พระราชกุมารเวสสันดร ทรงบริจาคทานตั้งแต่ ๔-๕ ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง ๙ ครั้ง เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า เมื่อทรงเจริญชันษาได้ ๙ ปี ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ และดวงหทัย เพื่อมุ่งพระโพธิญาณ ในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ครั้นถึงวัย ๑๖ พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา ๑๘ แขนง ทรงได้ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกกับพระนางมัทรี และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี" อันหมายถึง ห่วงทองบริสุทธิ์ เวลาต่อมาเมืองกลิงครัฐเกิดกลียุค ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล ๗ วัน เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง ๘ พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร เมื่อได้ช้างแก้วจากพระเวสสันดรแล้ว พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง บรรดาชาวนคร เห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง ๘ คน แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด

๓.กัณฑ์ทานกัณฑ์
ความย่อ กล่าวถึงพระราชมารดา รับอาสาไปทูลวิงวอนขอโทษพระเจ้ากรุงสัญชัย ให้ทรงลดหย่อนผ่อนโทษแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญมหาทาน เรียกว่า "สัตตสดกมหาทาน" แล้วทูลลาพระชนกชนนี ทรงขึ้นราชรถเวียนรอบเมือง มีพราหมณ์ ๔ คนมาทูลขอม้าและราชรถพระองค์ก็เปลื้องปลดพระราชทานให้ เนื้อเรื่อง พระเจ้ากรุงสัญชัยจำต้องเนรเทศพระราชโอรสด้วยเสียพระทัยนัก พระนางผุสดีทูลขออภัยโทษก็มิเป็นผลสำเร็จ พระเวสสันดรทูลลาพระมารดาพระบิดา และขอบริจาคทานให้พิธีสัตตสตกมหาทาน คือ ช้าง ม้า โคนม รถม้า ทาสและทาสี อย่างละ ๗๐๐ บริจาคให้คนทั่วไป สัตตสตกมหาทานนั้น คือ ช้าง ๗๐๐ เชือก ม้า ๗๐๐ ตัว โคนม ๗๐๐ ตัว รถม้า ๗๐๐ คัน นารี ๗๐๐ นาง ทาส ๗๐๐ คน ทาสี ๗๐๐ คน ผ้าอาภรณ์ ๗๐๐ ชิ้น เสด็จออกจากนครพระนางมัทรีพาพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จออกป่าด้วย มิทรงยอมอยู่ในวัง แม้พระเวสสันดร จะยับยั้งห้ามปราม มิให้มาตกระกำลำบากด้วยกันในป่า ระหว่างทางที่เสด็จ ขึ้นราชรถทองไปนั้น มีพราหมณ์ วิ่งมาทูลขอม้าบ้าง ขอราชรถบ้าง พระเวสสันดรก็ยกให้ทั้งสิ้น ในที่สุดจึงต้องทรงอุ้มพระโอรส และพระธิดา เสด็จเข้าป่าไป

๔.กัณฑ์วนประเวศน์
ความย่อ กล่าวถึงพระเวสสันดร มัทรี ชาลี กัณหา เสด็จมุ่งสู่ป่าเขาคีรีวงกต โดยอาศัยไมตรีจิตมิตรกษัตริย์ เมืองเจตราชทูล ระยะทาง จนกระทั่งถึง ทั้งสี่พระองค์ทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในนั้นเป็นเวลา ๗ เดือน กษัตริย์เจตราชแต่งตั้งพรานเจตบุตรเป็นผู้อยู่คอยพิทักษ์รักษาสวัสดิภาพของพระเวสสันดร เนื้อเรื่อง เมื่อเสด็จด้วยพระบาทถึงเมืองเจตรัฐ พระราชาเสด็จมาต้อนรับและทูลเชิญให้ครองเมืองเจตรัฐนั้น แต่ พระเวสสันดรขอไปบำเพ็ญเพียรในป่า กษัตริย์เจตรัฐจึงรับสั่งให้เจตบุตรคอยอารักขาในป่า และถวายน้ำผึ้ง และเนื้อให้พระเวสสันดรด้วย เมื่อพระเวสสันดรเดินทางมาถึงเขาวงกต พระนางมัทรีและชาลีกุมาร กัณหากุมารีต่างก็เหน็ดเหนื่อยสะอื้นไห้ ด้วยความลำบากยากเข็ญ พระเวสสันดรจึงทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นนุ่งห่มของนักบวช พระนางมัทรี ก็ทรงบวช เป็นดาบสินี บำเพ็ญศีลกันในป่าอยู่ที่อาศรม พระนางมัทรีต้องปัดกวาดอาศรมทุกวันแล้วก็หาผลไม้ในป่า ตักน้ำ มาเตรียมไว้

๕.กัณฑ์ชูชก
ความย่อ กล่าวถึงเฒ่าชราตาชูชก ได้เร่ร่อนขอทาบแล้วนำเงินไปฝากเพื่อนไว้ แต่เพื่อนก็นำเงินไปใช้จนหมด เมื่อชูชกไปทวงจึงไม่มีจะให้ จึงยกนางอมิตตดาธิดาสาวให้แทน นางปฏิบัติต่อสามีดี จนเป็นเหตุให้พราหมณี เพื่อนบ้านพากันอิจฉาด่าว่าตบตี เลยไม่ยอมทำงานนอก และแนะให้เฒ่าชูชกไปทูลขอสองกุมารมาเป็นข้าทาสรับใช้ เนื้อเรื่อง ชูชก ขอทานเฒ่า อีกด้านหนึ่งนั้น พราหมณ์นาม "ชูชก" ได้เที่ยวขอทานเก็บเงินได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์ จึงนำเงิน ไปฝากเพื่อนไว้พลางคุยอวดเศรษฐีอย่างปีตินัก จากนั้นก็ออกเดินทางตระเวนขอเงินสืบไป ส่วนพราหมณ์ผัวเมียเก็บเงินไว้นานแล้ว เห็นว่าชูชกไม่มาเอาสักที คิดว่าชูชกคงจะตายไปแล้ว จึงชวนกัน นำเงินนั้นออกมาใช้จ่ายเสียจนหมดทั้งสิ้น ครั้นชูชกหวนกลับมาทวงเอาเงิน สองผัวเมียก็ตกใจ งันงกมิรู้จะทำประการใด ด้วยความที่กลัวชูชกจะเอาความ จึงตกลงจะยกนางอมิตดาลูกสาวให้แก่ชูชกแทนเงินที่ใช้หมดไป นางอมิตดามีรูปงาม และวัยสาว ส่วนชูชกนั้นเฒ่าชรา และมีรูปลักษณ์อุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก เมื่อชูชกพานางอมิตดาไปอยู่กินด้วยกัน ที่หมู่บ้านทุนวิฐ พวกเมียพราหมณ์บ้านอื่น ต่างพากันริษยาอิจฉานางอมิตดา พราหมณ์ทั้งหมู่บ้าน ก็ชื่นชมนางอมิตดา จนมาทุบตีเมียตนกันทุกวัน ด้วยเพราะนางอมิตดานั้นเป็นบุตรกตัญญู เมื่อมาอยู่กับชูชกก็ปรนนิบัติรับใช้ทุกประการมิให้ขาดตกบกพร่อง วาจาก็ไพเราะ มิเคยขึ้นเสียง เหล่าเมียของพราหมณ์ จึงมาดักนางอมิตดาที่ท่าน้ำ รุมด่าว่านางอมิตดาที่มาเป็นเมียชูชกน่าเกลียดตัวเหม็นน่าขยะแขยง ยอมรับใช้ตาเฒ่าทุกอย่างน่าสมเพช นางอมิตดา ถูกรุมด่าก็หิ้วหม้อน้ำร้องไห้กลับบ้าน บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี จากพระเวสสันดร มาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน ด้วยความรักภรรยา เฒ่าชูชกจึงเตรียมข้าวตู และถั่วงาใส่ย่ามออกเดินทางไปยังเขาวงกตทันที ในระหว่างเดินทาง ตาเฒ่าชูชกแวะเวียนถามชาวบ้านว่า พระเวสสันดร เสด็จประทับอยู่ ณ ที่แห่งใด พวกชาวบ้านต่างก็ขว้างอิฐหินเข้าใส่ขอทานเฒ่า แล้วขับไล่ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ว่าเป็นไอ้พวกจัญไร มักขอเอาทุกอย่าง จนพระเวสสันดรตกระกำลำบาก เฒ่าชูชกเดินดุ่มเข้าป่า ไปเจอสุนัขของเจตบุตรที่อารักขาป่า สุนัขต่างวิ่งกรูเข้าไล่กัดขอทานเฒ่า จนต้องวิ่งขึ้นต้นไม้ด้วยตกใจเสียขวัญ

๖.กัณฑ์จุลพน
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางไปเขาวงกต พบพรานเจตบุตร ชุชกใช้กลอุบายหลอกว่าเป็นราชทูตของพระเจ้ากรุงสัญชัย พร้อมชูกลักพริก กลักขิงเสบียงกรังที่นางอมิตตดาจัดหาให้ ว่าเป็นพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสัญชัย จนพรานเจตบุตร หลงเชื่อ จึงชี้บอกทางให้ไปจนถึงอาศรมบทของพระอัจจุตฤาษี เนื้อเรื่อง พรานเจตบุตรผู้มีรูปร่างกำยำไว้หนวดแดงหน้าตาถมึงทึง ก็ถือหน้าไม้อาบยาพิษมาหาชูชกหมายจะฆ่าให้ตาย ตามคำสั่งกษัตริย์เจตรัฐ เฒ่าชูชกเจ้าเล่ห์คิดอุบาย เอาตัวรอดจึงตัวสั่นงันงกรีบร้องว่า ตนเองเป็นราชทูต ของพระราชา มาทูลเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับวัง เพราะพระราชาทรงอภัยโทษแล้ว พรานเจตบุตรได้ยิน ก็ดีใจจึงเชื่อคำเท็จนั้น จึงจัดเสบียงเพิ่มให้ชูชกและชี้ทางให้อีกด้วย

๗.กัณฑ์มหาพน
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางไปพบพระอัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงพระฤาษีให้หลงกลว่าเป็นกัลยาณมิตรของพระเวสสันดร จนได้พักค้างคืนกับพระฤาษี รุ่งขึ้นพระฤาษีได้ให้กินผลไม้ และชี้ให้ชมเขาลำเนาไพรพร้อมบอกระยะทางสภาพป่า และหนทางที่จะไปสู่เขาวงกตให้แก่ชูชก ซึ่งประกอบไปด้วย เขาใหญ่ สระน้ำ และสัตว์ป่านานาชนิด เนื้อเรื่อง เฒ่าชูชกเดินทางไปกลางป่า พบฤาษีอัตจุตก็เล่าความเท็จอีก ฤาษีจึงยอมชี้ทางไปอาศรมของพระเวสสันดร เมื่อไปถึงเป็นเวลาพลบค่ำ เฒ่าชูชกก็ซ่อนตัวบนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ เพราะนางคงไม่ยอมยกลูกให้ใครแน่

๘.กัณฑ์กุมาร
ความย่อ กล่าวถึงชูชกเดินทางถึงอาศรมของพระเวสสันดร ได้หยุดพักผ่อนที่คาคบไม้ ๑ ราตรี รุ่งขึ้น เมื่อนางมัทรีเข้าป่า หาผลไม้แล้ว ชูชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอพระชาลีและกัณหา ก็ทรงประทานให้ สองกุมารได้ยิน จึงตกใจกลัว หนีไปซ่อนตัว อยู่ในสระ พระเวสสันดรได้ขอร้องให้ทั้งสองพระองค์ออกมา แล้วชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป เนื้อเรื่องเคราะห์ร้ายมาถึงและในคืนนั้นเอง พระนางมัทรีทรงสุบินร้ายว่า มีบุรุษผิวดำร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าย้อมฝาด สองหู ทัดดอกไม้แดง มือถือดาบใหญ่ ตรงเข้าจิกพระเกศาแล้วแทงดาบใส่ดวงพระเนตร ควักดวงตาออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นกรีดพระอุระควักเอาพระทัยไปทั้งดวง พระนางร้องลั่นสะดุ้งตื่นบรรทมพระวรกายสั่นสะท้าย รีบไปหาพระเวสสันดรเพื่อจะให้ทำนายฝัน แต่เมื่อเข้าไป ในอาศรมพระเวสสันดรก็ตรงตรัสว่า "น้องหญิงจงเล่าความอยู่ที่ข้างนอกเถิด" พระนางมัทรีทรงทูลเล่า พระสุบิน นั้นพระทัยสั่น พระเวสสันดรทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรุ่งเช้า แต่ทรงตรัส แก่พระนางว่าเป็น ความตรากตรำลำบาก จึงทำให้เกิดธาตุวิปริตดังนี้ เมื่อรุ่งเช้าพระนางมัทรีมีลางสังหรณ์ไม่อยากเสด็จเข้าป่า จึงตรัสสั่งพระโอรสและธิดาให้อยู่ใกล้ ๆ เสด็จพ่อ ครั้นพระนางมัทรีไปแล้ว เฒ่าชูชกจึงรีบเข้าไปยังบริเวณอาศรมทันที เมื่อพระกุมารชาลีเข้าไปถามต้อนรับ ชูชกสังเกตรู้ว่าพระกุมารเป็นเด็กฉลาด จึงทรงร้องตวาดไล่ ไปด้วยหวังจะข่มให้กลัวแล้วหนีไป แล้วเฒ่าชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดร พยายามอ้างถึง ความลำบากยากเข็ญ นานาประการ ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้ ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากตนจนยากไม่มีเงินซื้อทาสได้ พระเวสสันดรทรงตรัสอนุญาต ชาลีกุมารแอบได้ยินจึงพาน้องสาวไปซ่อนที่ใต้ใบบัวข้างสระน้ำเฒ่าชูชกเห็นเด็กทั้งสองหายไป ก็แกล้งติเตียนตัดพ้อพระเวสสันดรด้วยคำบริภาษว่า "ไหนล่ะ ที่พระองค์บริจาคทาน ปากยกให้แต่ไหนละเด็กร้ายทั้งสองคงจะคิดหนีไปแล้ว พระองค์มิได้มีจิตบริจาคทานตามที่ลั่นสัจจะไว้เลย" เมื่อสดับดังนั้น พระเวสสันดรจึงทรงเสด็จ ออกตามหาทั่วบริเวณ ชาลีราชกุมารมิอยากให้พระราชบิดาออกร้องเรียก นานไป จึงจูงน้องออกมา พระเวสสันดร ขอให้กัณหา ชาลี ติดตามเฒ่าชูชกไปเถิด แต่ให้รอร่ำลาพระนางมัทรีก่อน เฒ่าชูชกไม่ยอมฟัง รีบหาเชือกเถาวัลย์มาผูกมัดพระโอรสพระธิดา แล้วเอาหวายเฆี่ยนตี ต่อหน้าพระเวสสันดร พลางฉุดกระชากลากไปอย่างโหดเ**้ยม กัณหา ชาลี ถูกตีรุนแรงก็ร่ำไห้หาพระบิดาพระมารดา พระเวสสันดรทรงกันแสง แต่ก็ตั้งมั่นในสัจจะที่พระองค์ตั้งจิตไว้ ก่อนไปนั้นชูชกว่า ถ้าจะไถ่ตัว กันหาชาลีได้ต้องให้ ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองคำ สิ่งละ ๑๐๐ แก่ชูชก ครั้นเมื่อเฒ่าร้ายนำตัวพระกุมารและกุมารีไปแล้ว ก็ให้เกิดอัศจรรย์ดินฟ้าวิปโยค ครืนครั่น ฟ้าผ่าน่าสะพรึงกลัวไปทั่วป่าหิมพานต์

๙.กัณฑ์มัทรี
ความย่อ กล่าวถึงพระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ แล้วเจอเหตุการณ์มหัศจรรย์ต่าง ๆ จึงเดินทางกลับอาศรม ก็เกิดพายุใหญ่ มืดครึ้มไปทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีสิงห์สาราสัตว์ร้าย มาขวางทางไว้ เมื่อมาถึงอาศรมได้ทราบความ ทำให้พระองค์ เสียพระทัยมาก จนสลบไป หลังจากฟื้นคืนสติกลับมา พระนางก็อนุโมทนากับพระเวสสันดรด้วย เนื้อเรื่องรุ่งเช้าพระนางมัทรี เข้าป่าหาผลไม้ "เกิดเหตุแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ผลไม้เผือกมันช่างหายากที่สุด ไม่ว่า จะเป็นมะม่วงมัน ลูกจันทน์ ลิ้นจี่ น้อยหน่า สาลี่ ละมุด พุทรา ไม่มีให้เก็บเหมือนดังกับวันก่อน นางรีบย้อนกลับเคหา ก็เกิดพายุใหญ่ จนมืดครึ้มไปทั่วทั้งป่า ท้องฟ้าสีแดงปานเลือดละเลง ทั้งแปดทิศปรากฎมืดมนไปหมดอย่างไม่เคยมี พระนางทรงห่วงหน้าพะวงหลัง เกรงจะมีภัยแต่พระเวสสันดรา กัณหาและชาลีพระนางมัทรีรีบยกหาบใส่บ่ารีบเดินทาง พอถึงช่องแคบระหว่างเขาคีรี เป็นตรอกน้อยรอยวิถีทาง ที่เฉพาะจะต้องเสด็จผ่าน ก็พบกับสองเสือสามสัตว์มานอนสกัดหน้า เทวดาสามองค์แปลงร่างเป็นราชสีห์ เสือเหลือง เสือโคร่งสกัดทางนางไว้เพื่อมิให้พระนางมัทรีติดตามกัณหา ชาลีได้ทัน แต่ถึงกระนั้น เมื่อยามทุกข์เข้าบีบคั้น ความรักลูก ความห่วงพระภัสดา พระนางจึงก้มกราบวิงวอน ขอหนทางต่อพญาสัตว์ทั้งสาม เมื่อได้หนทางแล้ว พระนางก็รีบเสด็จกลับอาศรม เมื่อมาถึงอาศรม ไม่พบกัณหา ชาลี พระนางก็ร้องเรียกหาว่า"ชาลี กัณหา แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนไยพระลูกแก้ว จึงไม่มารับเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนร่อนชะไรสิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมารับพระมารดา เคยแย้มสรวลสำรวจร่า ระรื่นเริงรีบรับเอาขอคาน แล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลี ก็จะรับเอาผลไม้ แม่กัณหาก็จะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลาง เจ้าเคยฉอเลาะแม่ต่าง ๆ ตามประสาทารกเจริญใจฯ" บัดนี้ลูกรักทั้งคู่ไปไหนเสีย จึงมิมารับแม่เล่า ครั้นเข้าไปถามพระเวสสันดรก็ถูกตัดพ้อต่อว่าต่าง ๆ จนพระนางมัทรีถึงวิสัญญีภาพสลบลง พระเวสสันดรทรงปฐมพยาบาลจนพระนางมัทรีฟื้น แล้วจึงแจ้งความจริงว่า พระองค์ได้ทรงยกลูกรักชายหญิงทั้งสอง มอบให้แก่ชูชกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน พระนางก็อนุโมทนาซึ่งทานนั้นด้วย

๑๐.กัณฑ์สักกบรรพ
ความย่อ กล่าวถึงพระอินทร์ เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพรเวสสันดร พระโพธิญาณ จักเป็นอันตราย จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยห้ามประทานนางแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แก่พระเวสสันดร แล้วจึงเสด็จกลับสู่สวรรค์ เนื้อเรื่อง ขณะนั้นท้าวสหัสนัยบนสวรรค์ เกรงว่าจะมีชายโฉดมาทูลขอพระนางมัทรี จึงจำแลงกาย เป็นนักบวชชรา มาทูลขอ พระนาง พระเวสสันดรทรงยินดีบริจาคทานให้ แต่นักบวชชราเมื่อได้รับแล้วก็ไม่เอาไป กลับถวายคืน แก่พระเวสสันดร โดยห้ามพระองค์ประทานนางแก่ผู้ใดอีก ก่อนกลับองค์อินทร์ ได้ประสาทพรให้พระเวสสันดร ๘ ประการ คือ
๑. ให้ทรงได้รับอภัยโทษ
๒. ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้
๓. ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา
๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น
๕. ให้ได้สืบสันติวงศ์
๖. ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น
๗. ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า
๘. ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที

๑๑.กัณฑ์มหาราช
ความย่อ กล่าวถึงชูชกได้พาสองกุมารหลงทางไปจนถึงเมืองสีพี จนกระทั่งได้พบกับพระเจ้าปู่พระเจ้าย่า จึงรับสั่งให้ ไถ่ถอนตัวทั้งสองพระองค์ และพระราชทานเลี้ยงอาหารชั้นดีแก่ชูชก ชูชกไม่มีวาสนาเพราะบริโภคมากเกินไป เป็นเหตุให้ไฟธาตุพิการอาหารไม่ย่อยจนถึงแก่ความตาย พระเจ้าสญชัยรับสั่งให้เตรียมกองทัพไปรับสองพระองค์ เนื้อเรื่องด้านชูชกเฒ่านั้นฉุดลากสองกุมารน้อยไปพลางทุบตีไปพลาง ด้วยหวังจะกลับไปหาภรรยาโดยเร็ว เมื่อถึงทางแยก เข้าเมืองกลิงคราฐ เทพยดาก็ดลบันดาลให้ชูชกเดินเข้ามาในเมืองสีพีรัฐ พระเจ้ากรุงสัญชัยก็ได้ทรงสุบินประหลาดว่า มีชายอัปลักษณ์นำดอกบัวตูมและดอกบัวบานมาถวายให้ พระองค์ รับมาทัดที่พระกรรณแล้วก็ทรงตื่นบรรทม เหล่าโหรก็ถวายคำทำนายว่า พระราชวงศ์ที่จากพลัดไปจะเสด็จคืนวัง วันรุ่งขึ้นนั้นเฒ่าชูชกจูงกุมารน้อยผ่านหน้าพระลาน พระราชาทรงเฉลียวพระทัย จึงให้เรียกตัวเฒ่าอัปลักษณ์ และกุมารน้อย มอมแมมแต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งนั้นเข้ามาเฝ้า เมื่อพระราชาสอบถาม ชูชกก็กราบทูลว่า ได้รับบริจาคมา มิได้ไปฉุดคร่ามาที่ใด พระราชาจึงทรงรู้ว่า ๒ กุมารน้อยนั้นเป็นหลานของพระองค์ จึงทรงไถ่ตัวหลาน และพระราชทานรางวัล ให้แก่ชูชกมากมาย ทั้งยังจัดอาหารคาวหวานชั้นเลิศมาให้แก่ชูชกอีกด้วย ขอทานเฒ่าไม่เคยเห็นอาหารชั้นดี มีความโลภจะกินให้หมด จึงกินเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่งท้องแตกตายไป พระราชาเจ้ากรุงสัญชัยทรงจัดพิธีเวียนเทียนบายศรี สมโภชรับขวัญหลานเป็นที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ครั้นแล้วก็ทรงถามถึงพระนางมัทรีและพระเวสสันดร ที่จากไปนานเป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วันแล้ว "พระมารดาทรงลำบากเหลือแสนพระเจ้าข้า" ชาลีราชกุมารทูลพระราชาด้วยสุระเสียงกำสรวลยิ่งนัก เสด็จคืนเวียงวัง พระราชาจึงทรงให้จัดขบวนแต่งกองเกียรติยศ ยกออกนครไปรับพระเวสสันดร กลับสู่เวียงวังด้วยทรงคิดถึงราชบุตรและสำนึกผิดแล้ว

๑๒.กัณฑ์ฉกษัตริย์
ความย่อ กล่าวถึงพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนา เดินทางไปถึงเขาวงกต กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกัน ในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน ก็ทรงวิปโยคโศกศัลย์จนถึงวิสัญญีภาพสลบลง ฝนโบกขรพรรษ บันดาลตกลงมา ให้ทรงฟื้น แล้วพากันขอลุโทษและทูลอาราธนาให้ลาผนวช เนื้อเรื่องการเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนาเป็นขบวนเสด็จ จากรุงเชตุดรนครหลวง ถึงเขาวงกตเป็นระยะทาง ๖๐ โยชน์ เท่ากับ ๙๖๐ กิโลเมตร กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกันด้วยในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน จึงได้ร่วมเดินทางไปยังเขาวงกตพร้อมกัน กองขบวนเกียรติยศ พร้อมมโหรีและไพร่พล ก็เคลื่อนสู่ป่าด้วยเสียงอันกึกก้องลั่นป่า พระเวสสันดรเข้าพระทัยว่า กองในพระราชวังคงจะมาประหารพระองค์ จึงทรงพาพระนางมัทรีไปหลบซ่อนในพุ่มไม้ ครั้นพระเจ้ากรุงสัญชัยบอกความให้ทราบ พระนางมัทรีก็ออกมาถวายบังคม ต่างก็ร่ำไห้ด้วยสลดใจ กันถ้วนทั่ว ในเคราะห์กรรมนี้ แม้บรรดาเสนาอำมาตย์และนางกำนัลต่างก็ร้องไห้กันทั่ว พระราชาตรัสให้พระเวสสันดรลาผนวชกลับคืนสู่เวียงวัง พระนางผุสดีก็ขอให้พระนางมัทรีคืนสู่พระราชวังเถิด พระนางมัทรีได้แต่กันแสงสวมกอดกัณหาพระธิดา และพระโอรสชาลีไว้แนบอกด้วยทรงคิดถึงยิ่ง บริเวณป่า เต็มไปด้วย เสียงคร่ำครวญระงมจนหมดสติไปทั้งสิ้น พระอินทร์บนสรวงสวรรค์เล็งทิพยเนตรเห็นดังนั้น จึงทรงบันดาลสายฝนให้โปรยปรายเป็นอัศจรรย์ ในป่าชุ่มชื้นด้วยในโบกขรพรรษที่มิสาดให้ผู้ใดเปียกปอน บรรดาพระราชวงศ์ก็ทรงฟื้นขึ้นมา ด้วยความแช่มชื่นปราโมทย์ หลังจากนั้นได้ขอลุแก่โทษ และทูลอาราธนาให้พระเวสสันดรทรงลาผนวช

๑๓.กัณฑ์นครกัณฑ์
ความย่อ กล่าวถึงพระเวสสันดรเมื่อลาผนวชแล้ว ทรงสั่งลาพระอาศรม รับพระราชทานเครื่องทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับ ไปครองเมืองสีพี ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนพระชนมายุ ๑๒๐ พรรษา จึงสวรรคต แล้วไปปรากฏอุบัติเป็น ท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดุสิต เนื้อเรื่องเมื่อทรงลาผนวชแล้ว ทรงสั่งลาพระอาศรม รับเครื่องทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับไปครองเมืองสีพี พระเวสสันดรเสด็จขึ้นครองราชย์ครองแผ่นดิน ทำให้ไพร่ฟ้าเสนาอำมาตย์มีสุขสงบกันทั่วทั้งแคว้น ชาวเมือง ต่างก็หมั่นถือศีลบำเพ็ญกุศล ตามสัตย์อธิษฐานของพระเวสสันดร กษัตริย์เมืองกลิงคราฐ ก็นำช้างปัจจัยนาเคนทร์ มาถวายคืน เพราะบ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาลแล้ว พระเวสสันดรก็ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม และยังคง ทรงบริจาคทาน จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ พรรษาจึงสวรรคตแล้วไป ปรากฎอุบัติเป็นท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดุสิตรวมระยะเวลาที่พระเวสสันดร มัทรี ชาลี กัณหา ต้องนิราศ จากพระนครไปอยู่ป่า เป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วัน

ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?s=7dfb4faba5ec30c20a30ac2ce24aaf75&t=2695&page=2

ข้อสอบ online

1. เว็บใดไม่ให้บริการสืบค้นข้อมูล
ก. YAHOO
ข. ALTAVISTA
ค. THAISEEK
ง. HOTMAIL
ตอบ ง.
เพราะ เว็บของ hotmail เป็นเว็บที่ให้บริการของ e-mail ไม่ได้บริการของการสือค้นข้อมูล

2. Time sharing คืออะไร
ก. ยี่ห้อคอมพิวเตอร์ ที่ทำให้ยานอวกาศเดินทางได้เร็วกว่าแสง หรือเทียบเท่า
ข. ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแบ่งใช้หน่วยประมวลผลกลางเครื่องเดียวกัน
ค. ระบบ Internet ที่ใช้เวลาในการตัดสินการเข้าถึงข้อมูล จาก ISP คนละจุด
ง. ชื่อ CPU รุ่นใหม่ที่ออกแบบ โดย Intel corporation
ตอบ ข.
เพราะ ระบบแบ่งเวลา (Time-sharing หรือ Multitasking)
เป็นการขยายระบบ multiprogramming ทำให้สามารถสับเปลี่ยนงานของคนหลาย ๆ คนเข้าสู่ซีพียู ซึ่งการสับเปลี่ยนที่ทำด้วยความเร็วสูงจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนครอบครองซีพียูอยู่เพียงผู้เดียว
ที่มา : http://www.thaiall.com/os/os01.htm

3. Multiprocessing คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก

4. ฐานข้อมูล (Database) จะแก้ปัญหาเรื่องใดต่อไปนี้ไม่ได้
ก. การซ้ำซ้อนของข้อมูล
ข. ผู้ใช้ไม่ต้องการข้อมูล
ค. ความไม่ทันสมัยของข้อมูล
ง. ข้อมูลไม่เชื่อมโยงถึงกัน
ตอบ ข.

5. LAN คืออะไร ในเรื่องของคอมพิวเตอร์
ก. สัตว์ชนิดหนึ่งที่ ชาวบ้านมักนำมาผัดเผ็ด หรือลาบ
ข. ระบบ Internet ระบบใหม่ ที่ทำให้ทุกหน่วยงานเชื่อมต่อ Internet ได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
ค. ระบบเครือข่ายระยะใกล้ (Local Area Network)
ง. ระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Long Area Network)
ตอบ ค.
เพราะ แลน (LAN) หรือ ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ (Local Area Network) เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันทั้งหมดโดยอาศัยสื่อกลาง มีการแบ่งแยกเครือข่ายออกเป็น 2 รูปแบบการเชื่อโยงคือ การเชื่อมโยงภายในพื้นที่ระยะใกล้หรือ แลน (LAN) และการเชื่อมโยงระยะไกลหรือแวน (WAN)
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99

6. ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดที่เป็นพื้นฐานของภาษา DELPHI
ก. C
ข. BASIC
ค. PASCAL
ง. RPG
ตอบ ค.
เพราะ DelphiDelphi ก็มีรากมาจากภาษา Pascal ซึ่งเป็นภาษาในค่ายของ Wirth นั่นเอง แนวคิดของ Wirth ออกจะดูไม่ค่อยเหมือนภาษาอื่นๆ ตรงที่ เขาต้องการให้ภาษานั้นเรียนรู้ได้ง่าย มี syntax น้อย และที่สำคัญคือ โปรแกรมจะต้องกำหนดทุกอย่างให้เป็นระเบียบ ตามแบบคนเป็นอาจารย์นั่นแหละครับ
ที่มา : http://www.twoguru.com/playground/article/languages.htm

7. NLQ (Near letter quality) คืออะไร
ก. คุณสมบัติของเครื่อง laser printer ท่านจะเห็นได้ที่ใต้เครื่อง laser printer ทุกยี่ห้อ
ข. คุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ Dot matrix ที่ทำให้เครื่องพิมพ์พิมพ์ตัวอักษรได้คมชัดที่สุด
ค. คุณสมบัติที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของ DRAFT ในเครื่องพิมพ์ Dot matrix
ง. ชื่อเครื่องพิมพ์ Laser printer เครื่องแรกของโลกที่ถูกออกแบบโดย Bill gate
ตอบ ข.
เพราะ NLQเอ็นแอลคิว ความหมายย่อมาจาก near letter quality (คุณภาพเกือบคมชัด) แปลตามตัวอักษรว่า เกือบเหมือนตัวพิมพ์ดีด ใช้เป็นคำอธิบายถึงคุณภาพของเครื่องพิมพ์ว่า สามารถพิมพ์ได้เกือบคมชัด หรือใกล้เคียงตัวพิมพ์ดีด เครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพ จะมองดูเหมือนการนำจุดมาเรียงกันให้เป็นรูปตัวอักษร ฉะนั้น เครื่องพิมพ์ชนิดที่มีจุดมาก ๆ ติด ๆ กัน จะทำให้ความคมชัด (high resolution) ตัวอักษรที่พิมพ์ออกมา จะดูสวยและประณีต เหมือนตัวพิมพ์ดีด การวัดคุณภาพของเครื่องพิมพ์ จึงวัดเป็นจำนวนจุดต่อนิ้ว เช่น 600 จุดต่อนิ้ว ย่อมดีกว่า 300 จุดต่อนิ้ว เป็นต้น (300 จุดต่อนิ้ว พอจะเรียกได้ว่า คุณภาพเกือบคมชัด) ดู printer และ letter quality ประกอบ
ที่มา : http://guru.sanook.com/dictionary/dict_comp/NLQ/

8. NS หรือ Nanosecond มีอัตราส่วนเท่าใด
ก. "1/1,000 วินาที"
ข. "1/1,000,000 วินาที"
ค. "1/1,000,000,000 วินาที"
ง. "1/1,000,000,000,000 วินาที"
ตอบ ค.
เพราะ 1 nanosecond (ns หรือ nsec) คือ 1 ส่วน พันล้าน (1/1,000,000,000) หรือ 10^-9 ของวินาที และโดยทั่วไปใช้วัดเวลาของการอ่าน หรือเขียนที่เข้าถึงหน่วยความจำชั่วคราว (RAM)
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

9. 1 KB (กิโลไบต์) มีกี่ Byte (ไบต์)
ก. 1024
ข. 8
ค. 256
ง. 65536
ตอบ ก.
เพราะ KB หรือ 1 Kilobyte = 1024 Byte ครับเพราะ คอมพิวเตอร์มันทำงานเป็น เลขฐาน 2 คือ มี 0 กับ 1ดังนั้น 2 ยกกำลัง 10 = 1024 แต่เราเรียกว่า 1 Kiloดังนั้น 1 Kilo Byte จึงเท่ากับ 1024 Byte ครับ
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vcafe/48714

10. Octal number หมายถึงเลขฐานใด
ก. 2
ข. 8
ค. 16
ง. 256
ตอบ ข.
เพราะ
ระบบเลขฐานแปด (Octal Number System)ระบบเลขฐานแปดเป็นระบบเลขที่มีเลขโดดที่ใช้ทั้งหมดแปดตัวเรียงตามลำดับค่าดังนี้ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ซึ่งเป็นระบบเลขที่มีความสำคัญมากอีกระบบหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาวงจรในระบบดิจิตอลคอม พิวเตอร์
ที่มา : http://www.geocities.com/edward881th/octal.htm

11. 1 GB (กิกะไบต์) มีกี่ MB (เมกะไบต์)
ก. 256
ข. 8
ค. 1024
ง. 65536
ตอบ ค.
เพราะ 1 MB (เมกกะไบต์) = 1024 KB
1 GB (กิกะไบต์) = 1024 MB
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vcafe/48714

12.ความเร็ว 1 millisecond หมายถึงเท่าใด
ก. 1 ต่อล้านวินาที
ข. 1 ต่อพันวินาที
ค. 1 ต่อพันล้านวินาที
ง. 1 ต่อล้านล้านวินาที
ตอบ ข.
เพราะ 1 Millisecond (ms หรือ msec) คือ 1 ส่วนพัน(1/000 ของวินาที และโดยทั่วไปใช้วัดเวลาของการอ่าน หรือเขียนจากฮาร์ดดิสก์ หรือ เครื่องเล่น CD-ROM หรือการวัดเวลาเดินทางแพ็คเกตบนอินเตอร์เน็ต
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

13.ความเร็ว 1 microsecond หมายถึงเท่าใด
ก. 2 ต่อพันล้านวินาที
ข. 1 ต่อพันวินาที
ค. 1 ต่อล้านวินาที
ง. 2 ต่อล้านล้านวินาที
ตอบ ค.
เพราะ microsecond คือ 1 ส่วน ล้าน (1/1,000,000) หรือ 10^-6 ของวินาที
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

14. ความเร็ว 1 nanosecond หมายถึงเท่าใด
ก. 3 ต่อล้านล้านวินาที
ข. 3 ต่อล้านวินาที
ค. 1 ต่อพันวินาที
ง. 1 ต่อพันล้านวินาที
ตอบ ง.เพราะ 1 nanosecond (ns หรือ nsec) คือ 1 ส่วน พันล้าน (1/1,000,000,000)
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

15.ความเร็ว 1 picosecond หมายถึงเท่าใด
ก. 1 ต่อล้านล้านวินาที
ข. 4 ต่อล้านวินาที
ค. 4 ต่อพันล้านวินาที
ง. 1 ต่อพันวินาที
ตอบ ก.
เพราะ picosecond คือ 1 ส่วนล้านล้าน ( 1/1,000,000,000,000) หรือ 10^-12 ของวินาที หรือ 1 ส่วนล้านของ microsecond
ที่มา : http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=nanosecond&term_group=N

16.คำว่า RGB ที่เกี่ยวกับสี RGB นั้นย่อมาจากอะไร
ก. RED GREAT BLANK
ข. RED GREEN BLUE
ค. REAL GROUP BEST
ง. RIGHT GIVE BEST
ตอบ ข.
เพราะ ระบบสี RGB
การผสมสีRGB ย่อมาจาก red, green และ blue คือ กระบวนการผสมสีจากแม่สี 3 สี คือสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน การใช้สัดส่วนของสี 3 สีนี้ต่างกัน จะทำให้เกิดสีต่างๆ ได้อีกมากมาย
ระบบสี RGB เป็นระบบสีที่เกิดจากการรวมกันของแสงสีแดง เขียว และน้ำเงินโดยมีการรวมกันแบบ Additive ซึ่งโดยปกติจะนำไปใช้ในจอภาพแบบ CRT (Cathode ray tube) ในการใช้งานระบบสี RGB ยังมีการสร้างมาตรฐานที่แตกต่างกันออกไปที่นิยมใช้งานได้แต่ RGBCIE และ RGBNTSC
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B5_RGB

17.โปรแกรมใดเป็น Browser ของ บริษัท Microsoft
ก. Opera
ข. Netscape
ค. Neoplanet
ง. Internet Explorer
ตอบ ง.

18. MODEM คืออะไร
ก. อุปกรณ์แปลงสัญญาณ Digital ไปสู่สัญญาณ Analog และจากสัญญาณ Analog กลับมาเป็นสัญญาณ digital ซึ่งใช้ประโยชน์ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านสัญญาณเช่น โทรศัพท์ เป็นต้น
ข. อุปกรณ์สร้างภาพ 3 มิติให้กับเกมส์ของบริษัท SEGA รุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และออกวางตลาดในปี 2542 และแพร่หลายอย่างรวดเร็วไปในทุกประเทศ
ค. ชื่อของจรวดทำลายชนิดใหม่ ที่ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์สำหรับนำวิธีมีขนาดเล็กเท่าปากกา พกพาได้สะดวก แต่มีพลังทำลายเทียบเท่าหรือมากกว่า 10 กิโลเมตร แต่มีข้อดีคือไม่มีการแผ่รังสี แต่อย่างใด
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก.
เพราะ โมเดม (Modem)
โมเดม เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ ให้สามารถส่งสัญญาณผ่าน
สายโทรศัพท์เพื่อติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้
โมเดมจะมีทั้งชนิดเชื่อมต่อภายนอก (External Modem) และชนิดที่เป็นการ์ดอยู่ภาย
ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Internal Modem) ที่มา : http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/NetWork/modem.htm

19. Multitasking คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.

20. Multiprogramming คืออะไร
ก. การประมวลผลที่ทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมสามารถทำงานได้พร้อมกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ต้องมี CPU มากกว่าสอง เชื่อมโยงกันอยู่ และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ข. การทำให้โปรแกรมมากกว่าหนึ่งโปรแกรมประมวลผลได้พร้อมกัน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ เช่นการอ่านข้อมูลจากแผ่น การสั่งพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์ และการ Backup ข้อมูลลงเทปเป็นต้น
ค. การทำงานของโปรแกรมที่ทำงานได้พร้อม ๆ กันเช่น การทำงานในระบบ Windows ที่ยอมให้มีหลายโปรแกรมทำงานได้พร้อม ๆ กัน และมักเป็นการใช้ CPU ตัวเดียว และเรียกการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานแบบ พหุคูณ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข.

Krathong time

Loi krathong festival is on November 12. The moon will be full. Thais will celebrates and decide which type of krathong you will using this year.Loi kratong means to paying respect to Mae King ka. Thanks for give water to use ib he crop and life. But there's a problem. When we floated the krathong, The krathongs will block the canals and rivers. So it make the environment unsightly. that's mean you have to think befor you float that which krathongs don't destroy the environmental. I advice you to use the krathong that made from natural materials such as banana tree. Why? Because It's a biodegradable that means it doesn't effect the environment. I do not support you to use foam. I know that foam is good because they don't sink. But remember the environment is the first thing we have to conseve.

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

Proud of Thailand

Thailnd is the independent country. We have own government and free to do things without needing control from other countries. We are free on religion and we have our own language. I'm Thai and Thailand made me feel really proud of many things. First I'm proud of the kings. Since ancestor until now. King Poomipol Aduladech maharach. He's govern and work hard to make Thais happy. He help thais to away from drought by "Artificial rain". He invented a lot of project to develop and help Thais. He goes everywhere that waiting him for helping and he nerver devide the class. He's a humour and I'm praise and respect him. The second thing. I'm proud of our traidition and culture. We "waii" to pay respect to a person who older. We respect and obey our parents and everone who kindness. We have Loi krathong festivl. We float the Krathings in tp the river. to thanks Pra mae Kong ka for water. And the special is "Songkran festival". We splash water to another and give to time to go back home and meet the family.We have our deliicious food such as Tom yam Kung. And the third thing. I'm proud of Siam Muang Yim. Thais alway smile and almost are kindness. I'm really so proud of my country.

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

งานเข้า

งานเข้าค่ะพี่น้อง ต้องเอาการบ้านลงBlogด้วยหรือนี่

ลืมสนิทเลยอ่ะ เซ็งเลย

แล้วภาษาอังกฟษจะทำยังไงหล่ะค่ะ กรี๊ด

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

Happy New Year

เย้เย้ ปีใหม่แล้วนะ ขอให้เพื่อนทุกๆคนมีความสุขมากๆนะค่ะ

อยากได้อะไรก็ขอให้ได้แล้วกันนะ

โชคดีค่ะ เที่ยวให้สนุกด้วยนะ แต่อย่าลืมของฝาก

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

game ท้ายใจ ลองเล่นดูนะ ^^ ภาค4

ดูกันซิว่า "คุณเป็นสาวฤดูไหน" ?
รู้รึเปล่าคะว่าสาวน่ะ ถ้าจะเปรียบไปก็เหมือนกันฤดูกาล แต่ละคนก็มีความเป็นธรรมชาติแตกต่างกันไปแต่ละแบบ ...
ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่าหากเปรียบตัวเองเป็นฤดูแล้ว ตัวเราเหมาะจะเป็นสาวฤดูไหน?


1. ตาของคุณสีอะไร
ก. น้ำตาลอ่อน
ข. ฟ้า
ค. น้ำตาลเข้มหรือดำ
ง. เขียว

2. ตอนนี้คุณมีผมสีอะไร
ก. น้ำตาลเข้มหรือดำ
ข. สีอะไรก็ได้แต่ขอให้ออกแดงนิด
ค. บลอนด์เข้ม
ง. บลอนด์ทอง

3. ข้อไหนบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณได้ใกล้เคียงที่สุด
ก. ชอบเดินทางท่องเที่ยว
ข. สาวช่างฝัน
ค. สุขุม เยือกเย็น
ง. สาวน้อยหัวใจ "ติสท์"

4. อาหารเมนูไหนที่ตอนนี้คุณอยากกินมากที่สุด
ก. ผัดมะกะโรนี
ข. ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก
ค. สลัดผัก
ง. ไอศกรีม

5. วันว่างของคุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด
ก. ทำความรู้จักและใช้เวลาร่วมกับเพื่อนกลุ่มใหม่
ข. ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนสนิท ออกไปดูหนัง กินข้าว แล้วเอนจอยกันทั้งวัน
ค. ดูหนังดีๆ สักเรื่อง ขากลับอาจแวะเดินเล่นที่สวนสาธารณะพร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น
ง. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด อาจจะนอนวาดภาพ นั่งอ่านหนังสือ หรือจดไดอารี

6. อากาศแบบไหนที่ชอบที่สุด
ก. อากาศสดชื่นยามเช้า
ข. ร้อนแต่ไม่อบอ้าว
ค. เย็นๆ ถึงหนาวนิดๆ
ง. ตอนฝนกำลังตก

7. กีฬาที่คุณชื่นชอบคือ
ก. สกี
ข. เบสบอล
ค. เทนนิส
ง. บาสเกตบอล

ตอบแบบสอบถามแล้วก็มาดูคำตอบกัน >>> ถ้าคุณตอบข้อ
ก มากที่สุด : สาวฤดูหนาว คุณเป็นคนที่ฉลาด อบอุ่น สุขุม และค่อนข้างจริงจังกับชีวิต แต่บางทีก็ขี้อายจนน่าตกใจเลยละ
ข มากที่สุด : สาวฤดูร้อน คุณเป็นคนสนุกสนาน อัธยาศัยดี น่ารัก และชอบบริหารเสน่ห์เอามากๆ แต่คนรอบข้างก็มักจะตกหลุมรักคุณได้ง่ายๆ ถึงแม้จะรู้ว่าคุณเจ้าชู้ก็ตาม
ค มากที่สุด : สาวฤดูใบไม้ผลิ คุณเป็นคนขี้เล่น อ่อนหวานและสดใสอยู่เสมอ แต่ในอีกมุมหนึ่ง คุณก็เป็นสาวช่างฝันคนหนึ่งเลยละ
มากที่สุด : สาวฤดูใบใบไม้ร่วง คุณเป็นคนฉลาด เจ้าความคิดกล้าแสดงออก และมีความมั่นใจในตัวเองสูง แถมยังมีหัวครีเอทและชอบสร้างสรรค์งานศิลปะอยู่บ่อยๆ

**เป็นยังไงบ้างได้คำตอบแล้วตรงกันบ้างอ้ะป่าว ของเราเป็น สาวฤดูใบไม้ร่วง แล้วเพื่อนๆเป็นสาวฤดูไหนกันหรอ

game ท้ายใจ ลองเล่นดูนะ ^^ ภาค3

แบบทดสอบทายนิสัย : สั้นๆ 4 ข้อก็รู้ผล
มาทำแบบทดสอบทายนิสัยกัน แต่ห้ามดูเฉลยก่อนนะ เดี๋ยวไม่แม่น เลือกข้อที่ใกล้เคียงมากที่สุดนะ
1. บุคคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร?
I) ชอบสันโดษ, คิดก่อนทำ, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
(E) ชอบเข้าสังคม, ชอบไปงานสังสรรค์, ทำก่อนคิด, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน-สิ่งของ, สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่
2. เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร?
(S) ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล, ดูถึงปัญหาปัจจุบัน, ดูถึงหลักความเป็นจริง
(N) ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล, คาดการณ์ล่วงหน้า, ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น
3. คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา? (โดยสัญชาตญาณของคุณ)
(T) ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ, ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง, คิดถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ
(F) ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ, ตัดสินใจจากความชอบ, ความต้องการ, คิดถึงความต้องการและการตอบสนองของตน
4. คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร?
(J) ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน, ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ, ชอบตัดสินใจ เพื่อให้จบปัญหา
(P) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว, ไม่ยึดติด, มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์, รับฟังความคิดผู้อื่น

วิธีการ : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าข้อที่เลือก แล้วนำมาเรียงกัน คำเฉลย

ISTJ :The Duty Fulfiller "ผู้สำเร็จ"
- มีสมาธิสูง, เงียบ, เป็นคนรักครอบครัว - ละเอียด, จริงจัง และ ไว้ใจได้ - ทำงานหนัก, เจ้าระเบียบ และ มีความรับผิดชอบสูง - อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขาซื้อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้ - ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก
ISTP :The Mechanic "ช่างเครื่อง"
- เงียบ, ชอบผจญภัย และ กีฬา - ชอบเสี่ยง, เป็นตัวของตัวเอง, แก้ปัญหาเก่ง - มองโลกในแง่ดี แต่อาจโกรธง่ายตอนเครียด - ปกติไม่รู้ว ่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ทั้งดีและไม่ดี
ISFJ :The Nurturer "ผู้ดูแล"
- เงียบ, ใจดี, มีสติ - มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่ - คิดถึงคนอื่นก่อนตัว, จำคนเก่ง - เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์ - ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง
ISFP :The Artist "ศิลปิน"
- เงียบ, ใจดี, จริงจัง และ อ่อนไหว - ไม่ชอบการโต้แย้ง, ไม่ชอบระเบียบ - ความคิดสร้างสรรค์ และ ไม่เหมือนใคร, รักขอบสวยของงาม - เข้าใจยาก, เปิดเผยตัวเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น - ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง
INFJ :The Protector "ผู้ป้องกัน"
- ความคิดสร้างสรรค์, อ่อนไหว, เป็นตัวของตัวเอง - เก่งเรื่องคน และ สถานการณ์ - เป็นคนลึกซึ้ง, ซับซ้อน, ชอบความเป็นส่วนตัว - เข้าใจยาก, มีความมั่นใจในตัวเองสูง, ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น - ไม่ชอบการโต้แย้ง
INFP :The Idealist "นักอุดมการณ์"
- เงียบ, ซื่อสัตย์, ชอบอุดมการณ์ - ชอบช่วยเหลือ และ เข้าใจคนอื่น - ไม่ชอบการโต้แย้ง - ซื่อสัตย์ต่อตนเอง - มีความคิดสร้างสรรค์
INTJ :The Scientist "นักวิทยาศาสตร์"
- ฉลาด, มุ่งมั่น, ไม่เหมือนใคร - เป็นผู้นำที่ดี, มีความมั่นใจสูง, มองการณ์ไกล - ชอบคิดคนเดียว และ ชอบอยู่คนเดียว, ชอบด่วนสรุป - ไม่ชอบรายละเอียด, คิดว่าตนเองถูกเสมอ - บอกความรู้สึกไม่เก่ง, จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
INTP :The Thinker "นักคิด"
- ความคิดสร้างสรรค์, เป็นตัวของตัวเอง, มีเหตุมีผลและมีความสามารถสูง - ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น, ไม่ชอบระเบียบ - ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก, ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว - เงียบ, ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง - มีอารมณ์ซับซ้อน, ไม่อยู่นิ่ง และ แปรปรวน
ESTP :The Doer "ผู้กระทำ"
- เป็นมิตร, ยืดหยุ่นง่าย, เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง - ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่ผลลัพธ์ - ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จึงทำให้ผ่านไปเร็ว - รักสนุก, สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว - ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ - เบื่อง่าย
ESTJ :The Guardian "ผู้พิทักษ์"
- มีระเบียบ, ซื่อตรง, ตรงไปตรงมา - มีความมั่นใจในตัวเอง, มีความสามารถ, ทำงานหนัก, เป็นผู้นำ - ชอบความปลอดภัย และ ควา มสงบสุข - บอกความรู้สึก และ ความห่วงใยไม่เก่ง
ESFP :The Performer "ผู้แสดง"
- อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้, มีมนุษยสัมพันธ์ดี, รักสนุก และทำงานเป็นทีมได้ดี - มองโลกในแง่ดี, ต้อนรับทุกคน แต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน - ไม่ชอบงานประจำ, คิดมากเวลาเครียด - รักสวยรักงาม
ESFJ :The Caregiver "นักใส่ใจ"
- มีน้ำใจ, คนชอบ, มีสติ, มีความรับผิดชอบ - เก่งเรื่องคน, เข้าใจ, สนใจ และ ปรับตามคนได้ - ชอบให้คนชอบ, ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง - รักสงบ และ ความปลอดภัย, ไว้ใจได้, กระตือรือร้น - อ่อนไหว, ต้องการการเห็นด้วยจากผู้อื่น
ENFP :The Inspirer "ผู้มีแรงบันดาลใจ"
- มีความคิดสร้างสรรค์, กระตือรือร้น, ยืดหยุ่น - ต้อนรับไอเดียใหม่ ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด - มีมนุษยสัมพันธ์ดี, ชอบให้คนชอบ แต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย - เป็นคนร่าเริง และชอบเป็นอิสระ ENFJ :The Giver "ผู้ให้"
- มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก, ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ - ไม่ชอบอยู่คนเดียว, ต้องการอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา - มีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบหลาย ๆ อย่าง - มีความมั่นใจในตัวเอง, เจ้าระเบียบ ENTP :The Visionary "ผู้มีวิสัยทัศน์"
- มีความคิดสร้างสรรค์, ฉลาด, แ ก้ปัญหาเก่ง - ชอบไอเดียใหม่, ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ - ชอบคุย, คุยเก่ง, หัวไว - ไม่สนใจเรื่องความรู้สึก แต่เพียงจะให้งานสำเร็จ - บางครั้งอาจจะเคร่งครัดกับคนรอบข้าง
ENTJ :The Executive "ผู้บริหาร"
- เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด, พูดต่อหน้าคนเก่ง, ฉลาด, มีความรู้ - เห็นความสำคัญในความรู้ และ ความสามารถ, ไม่มีความอดทนกับคนทำงานไม่เก่ง - แก้ปัญหาเก่ง, สามารถเข้าใจปัญหาซับซ้อน - เจ้ากี้เจ้าการ, ไม่มีความอดทน, เด็ดขาด, น่าเกรงขาม

game ท้ายใจ ลองเล่นดูนะ ^^ ภาค2

แม่นมาก!! ทายนิสัยจากคำตอบ รู้จักตัวเองมากขึ้น ด้วยแบบทดสอบแม่น ๆ
หลักการตอบมีอยู่ว่า อย่าคิดมาก ให้ใช้ความคิดแรกที่แวบเข้ามาเป็นหลัก ลองมาดูกันว่าหลังจากที่เราเลือกคำตอบไปแล้ว จะตรงตามคำเฉลยหรือไม่ ?

1. ลองนึกถึงทะเล แล้วเลือกว่าทะเลในความคิดของคุณเป็นอย่างไร
ก. สีน้ำเงินเข้ม
ข. ใส สะอาด
ค. สีเขียวง. ขุ่น

2. คุณอยากอยู่ตรงไหนของภูเขา (อันนี้เลือกอะไรก็ได้นะจ๊ะ)

3. คุณชอบรูปทรงใดมากที่สุด
ก. ทรงกลม
ข. สี่เหลี่ยมจตุรัส
ค. สามเหลี่ยม

4. คุณอยากให้รูปทรงดังกล่าวมีขนาดเท่าไหร่
ก. เล็กมาก
ข. เล็กค. ปานกลาง
ง. ใหญ่
จ. ใหญ่มาก

5. และมันถูกสร้างขึ้นมาจาก
ก. ไม้
ข. กระจก/แก้ว
ค. เพชร
ง. เหล็ก/โลหะ

6. จินตนาการถึงม้า ม้าในความคิดของคุณจะมีสี
ก. น้ำตาล
ข. ดำ
ค. ขาว

7. คุณเดินอยู่บนระเบียงและเห็นประตูสองบานเพียงคุณก้าวต่อไปทางซ้ายอีกสี่ห้าก้าวก็จะถึงประตูบานที่หนึ่งส่วนประตูอีกบานนั้นคุณจะต้องเดินไปจนสุดทางระเบียงถ้าประตูทั้งสองบานถูกเปิดทิ้งไว้และมีกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าคุณจะเก็บกุญแจขึ้นมาหรือไม่ ?
ก. เก็บ
ข. ไม่เก็บ

8. ถ้าหากว่าพายุกำลังเข้ามาใกล้ คุณจะเลือก
ก. ม้า
ข. บ้าน
------------------------------------------------------
ผลการวิเคราะห์
1. สีของน้ำทะเล แสดงถึงบุคลิกภาพของคุณ
ก. สีน้ำเงินเข้ม - คุณมีบุคลิกภาพที่ซับซ้อนเข้าใจยาก

ข. ใส สะอาด - คุณเป็นคนเปิดเผย เข้าใจง่าย
ค. สีเขียว - คุณเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ค่อยเครียด
ง. ขุ่น - คุณเป็นคนสับสนในตัวเอง
2. ความสูงของภูเขาเป็นตัวแทนความทะเยอทะยานในชีวิตของคุณ
3. รูปทรง แสดงถึงลักษณะนิสัยของคุณ
ก. ทรงกลม - คุณพยายามเอาอกเอาใจทุก ๆ คน

ข. สี่เหลี่ยมจัตุรัส - คุณเป็นคนหัวแข็ง และเอาแต่ใจตัวเอง
ค. สามเหลี่ยม - คุณเป็นคนหัวดื้อ
4. ขนาดของรูปทรง แสดงถึงขนาดที่คุณมีลักษณะนิสัยดังกล่าว
5. วัสดุที่ใช้สร้างรูปทรง แสดงถึงบุคลิกของคุณ
ก. ไม้ - รักความสงบ

ข. กระจก/แก้ว - เปราะบาง
ค. เพชร - ดื้อรั้น
ง. เหล็ก/โลหะ - เข้มแข็ง แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น
6. สีของม้า แสดงถึงบุคลิกของคุณอีกเช่นกัน
ก. น้ำตาล - ติดดิน

ข. ดำ - ไม่แน่นอน มีอารมณ์ที่รุนแรงการอยู่ร่วมกับคุณมักมีเรื่องให้น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ
ค. ขาว - หยิ่ง แต่น่าประทับใจ
7. การเก็บลูกกุญแจ แสดงถึงการฉวยโอกาส
ก. เก็บ - คุณรู้จักฉกฉวยโอกาสที่เป็นประโยชน์

ข. ไม่เก็บ - คุณไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส
8. ที่พึ่งในยามที่มีพายุ แสดงถึง คนที่คุณมักจะนึกถึงเสมอเวลามีปัญหา
ก. ม้า - สามีหรือภรรยาของคุณ

ข. บ้าน - เพื่อนสนิทที่รู้ใจ

ลองทำแบบทดสอบดูแล้ว โดนมาก! ของเพื่อนๆ ตรงกันบ้างอ้ะป้าว ?

ที่มา..http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=78&post_id=1285864&order_reply=0

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Happy New Year @ My SchOol....

สัวสดีเพื่อนทุกคน

นี่ก็จะปีใหม่แล้วนะ วันนี้ที่โรงเรียนมีจัดวันปีใหม่ด้วยหล่ะ สนุกมากมาย เพื่อนๆก็คงคิดเหมือนกันใช้หม้า แต่ที่น้าแปลกก็คือ ตอนเฉลยบัดดี้อ่ะจิ เราคิดว่าไหมเป็นบัดดี้เรา ส่วนไหมก็คิดว่าเราเป็ฯบัดดี้ไหม สรุป ไม่ใช้ทั้งคู่ 555 น่าอายชะมัด แต่สรุปแล้วบัดดี้เราคือยายกระทะ(แพน) ตกใจหมดเลย ไม่เคยว่าเป็นแพนเลยนะเนี่ย 55 แต่ขอบคุณนะสำหรับลูบิก อิอิ แล้วคอนเสริ์ตก็ยังมันมากๆอีกด้วยย ว้าวๆๆ มีความสุขที่สุดเลย แถมวันนี้ยังเป้ฯวันที่เราได้บอกความรู้สึกกับใครสักคน อิอิ เขินอ่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

game ท้ายใจ ลองเล่นดูนะ ^^

***ทายนิสัยจากการเขิน

จะมีใครรู้กันบ้างหรือเปล่าว่า ท่าทางที่เราทำเวลาที่เราเขินอายเนี่ย สามารถบอกได้ว่าเราเป็นคนยังไง ลองมาดูกันสิว่าจะแม่นหรือเปล่า? หรือถ้าอยากรู้นิสัยของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือหวานใจ ก็ลองหาวิธีทำให้เค้าเขินอายแบบเนียนๆ แล้วลองสังเกตดูว่าเค้าทำกิริยาในข้อไหน

> เขินแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง เวลาที่คุณทำอะไรหน้าแตกขึ้นมา แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ว่าเอ…ใช่เราทำเหรอ แล้วชวนคนรอบข้างคุยเรื่องอื่น แบบเปลี่ยนเรื่องไปในทันที ทั้งๆ ที่ตัวคุณเอง ก็รู้สึกเขินอยู่ไม่น้อย นั่นล่ะ บอกได้ว่าคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง มาดขรึม สงบเสงี่ยม แต่ฉลาดรอบรู้ และจริงจังกับการทำงานอยู่ไม่น้อยเชียว แถมยังแอบโรแมนติกเล็กๆ ชอบเสียงคลื่น ลมทะเล แมกไม้ ป่าเขาลำเนาไพรเสียด้วย…
> เขินแล้วทำเฉย ถ้าทุกทีที่คุณรู้ตัวว่า ได้ทำเรื่องน่าอายขึ้นมาแล้ว แต่หน้าตาท่าทางของคุณกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หรือรู้สึกตัวร้อนผ่าวเพราะเขินอายแต่อย่างไร ต้องยอมรับว่าคุณเป็นคนที่แน่มาก คุณเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นแบบสูงสุดขีด ถึงขั้นเอาแต่ใจตัวเองก็ว่าได้ ขึ้โมโหอีกต่างหาก แต่คุณก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ตรงกันข้าม กลับเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และไม่ใช่คนจองหอง แต่ออกจะเป็นคนทำอะไรไม่รู้จักรอบคอบเท่าไรนัก
> เขินแล้วหน้าแดงก่ำ ไม่แปลกอะไร สำหรับอากัปกิริยาแบบนี้ เพราะคุณเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย จิตใจงาม เห็นอกเห็นใจ และมักชอบช่วยเหลือคนรอบข้างอยู่เป็นประจำ ใครที่ได้คุณเป็นเพื่อน นับว่าโชคดีทีเดียว เพราะคุณจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุด แต่ดูคุณจะมีความมั่นใจในตัวเองน้อยไปนิด และขี้เหงาไม่ใช่เล่น
> เขินแล้วทำตัวบ้าๆ บอๆ ลึกๆ แล้วคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่า คุณกำลังปิดบังความเป็นตัวของคุณอยู่ ไม่อยากและไม่ชอบให้ใครรู้ว่า คุณกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น แต่คุณไม่ใช่คนเงียบเสียทีเดียว เมื่อคุณพูด ทุกคำที่ออกมาจากปาก จะตรึงผู้ฟังโดยรอบให้ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ของคุณ คุณเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และเกลียดการบังคับเป็นชีวิตจิตใจ
> เขินแล้วตัวเย็นเฉียบ อันนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนเย็นชา หรือเฉยเมยเลยสักนิด ตรงกันข้าม คุณเป็นคนที่ชอบเอาใจใส่กับบุคคลรอบข้าง แบ่งปันความรักและความห่วงใยแก่คนเหล่านั้นเสมอ เป็นคนโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก แต่แปลกตรงที่ คุณมักไม่ชอบตีสนิทกับใครเป็นพิเศษ >เขินแล้วพูดอะไรไม่ถูก อาจเป็นเพราะคุณประหม่ามากเกินไป ถึงเกิดอาการแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ ที่จะทำให้ใครต่อใครห่างเหินคุณ เพราะปกติคุณเป็นคนมีน้ำใจให้กับเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง ยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่คุณก็ไม่ใช่คนที่จริงจังกับชีวิตมากนัก ออกจะสับสน และชอบลังเล คุณเป็นคนฉลาด แต่ออกจะไม่ทันคนเท่าใดนัก
***แล้วคุณหล่ะ อยู่ในข้อไหน***

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คุณรู้จริงรึเปล่า

ลองอ่านดู แล้วถามตัวเองว่า "รู้จริงป่ะ (อ้ะ)?"

-Xmas จริงๆ แล้วไม่ได้ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรโรมัน X แต่ขึ้นต้นด้วยอักษรกรีก ที่ตรงกับคำว่า chi ซึ่งเวลาบันทึกเอาไว้ในตัวอักษรโบราณสมัยยุคกลาง จะเขียนเป็นตัว X เช่นเดียวกับคำว่า Christ ซึ่งจะเขียน xus = christus พอถึงยุคใหม่ ก็มีการนำภาษาโบราณมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
-ไฟประดับต้นคริสต์มาสสร้างสรรค์ขึ้นโดยบริษัท โทรศัพท์ พีบีเอ็กซ์ ในสมัยก่อน ต้นคริสต์มาสจะประดับไปด้วยแสงจากเทียน ซึ่งอันตรายมาก พนักงานโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะได้รับการฝึกฝนเรื่องความปลอดภัย แทนที่จะต่อสายจากไฟหลักมายังต้นคริสต์มาส พวกเขาออกแบบให้ไฟรุ่นแรกใช้พลังงานแบตเตอรี่
-เนกไท มีใช้ครั้งแรกในโครเอเชีย นั่นเป็นเหตุผลที่คนเรียกมันว่า คราวาตส์ (ในภาษายุโรปหลายชาติ) ซึ่งมาจากคำเรียกชาวโครเอเชียว่า โครแอตส์ (CRO-vats) นั่นเอง
-ลวดลายบนตัวโคนม (สีขาว-ดำ) ก็เหมือนกับเป็นลายนิ้วมือของมนุษย์ ไม่มีวัวตัวใดในโลกที่มีลวดลายเหมือนกันเพะ
-เจอร์ซีย์ (ในแชนเนล ไอส์แลนด์ สหราชอาณาจักร) เป็นเพียงสถานที่เดียวของอังกฤษที่ถูกยึดครองโดยนาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
-พิน็อกคิโอ สร้างขึ้นจากไม้สน
-ตัวเฟอร์เรตเพศเมีย ไม่ได้เรียกว่าเฟอร์เรต แต่เรียกว่า จิลล์ (jill)
-กีฬาบอลรูลส์ของออสเตรเลีย คิดขึ้นมาเพื่อให้นักคริกเกตได้มีอะไรเล่น ในระหว่างพักช่วงต่อฤดูกาลใหม่
-พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ เดอะ เกรต แห่งยูโกสลาเวีย เป็นโรคลมบ้าหมู
-เอลิซาเบธ เบคอน คัสเตอร์ ภริยาของนายพลผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ เอ. คัสเตอร์ เป็นสตรีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการบรรจุฝังเอาไว้ในสุสานของโรงเรียนทหารอเมริกันที่เวสต์พอยต์ กรุงนิวยอร์ก
-คำว่า ฟรีแลนซ์ (Freelance) ที่ใช้เรียกคนทำงานอิสระแบบเป็นนายตัวเอง เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากสมัยอัศวิน เอาไว้ใช้เรียกทหารทวน ที่ทวน (lance) ของเขามีไว้เพื่อการรับจ้างคนที่จ่ายเงิน เป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับนายคนหนึ่งคนใด (free)
-กระดูกที่ไม่เคยหักระหว่างอุบัติเหตุสกี คือ กระดูกที่อยู่ในหู
-ชื่อพ่อมดออซ ใน Wizard of Oz คิดขึ้นโดยแฟรงก์ โบม ผู้เขียนกวาดตามองไปยังชั้นเก็บเอกสารของเขา โดยแวบแรกที่เขาเห็นเป็นอักษร A-N แต่เขาเลือกแถวถัดไป คือ O-Z
-มี 10 ส่วนในร่างกายมนุษย์ที่สะกดโดยอาศัยอักษรภาษาอังกฤษเพียง 3 ตัวเท่านั้น ได้แก่ Eye, Ear, Leg, Arm, Jaw, Gum, Toe, Lip, Hip และ Rib
-มิชิแกน เป็นรัฐแรกในอเมริกาที่มีโต๊ะปิกนิกตั้งข้างถนน

____________________________________________________________________

ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า “คอนเฟิร์ม” เพศเรนเดียร์ซานตา

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า น่าจะมีเหตุอะไรสักอย่างที่ทำให้คุณลุงซานตาไม่เคยหลงทางเล้ย ในการเดินทางรอบโลก กวางเรนเดียร์บินได้ของซานตาคลอสน่าจะเป็นกวางเพศเมีย และไม่เคยที่จะต้องหยุดคิดถึงเส้นทางข้างหน้า
จริงๆ แล้วเรื่องเพศของกวางเรนเดียร์ อันเป็นผู้นำพาหนะของซานตาคลอสนั้น มีการถกเถียงกันมากมาย โดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์สัตว์ป่าจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอ แอนด์ เอ็ม มาช่วยกันขบคิดเรื่อง (ไม่เป็นเรื่อง-อุ๊บส์) ข้อนี้
“ดิฉันคอนเฟิร์มว่า เรนเดียร์ของซานตาต้องเป็นเพศเมียแน่นอน” อลิซ บลู-แมคเลนดอน สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกวางบอกว่า จริงๆ แล้วหลักฐานสำคัญอยู่ที่ลักษณะของกิ่งเขา (กวาง) แต่ก็คงจะสับสนกันอีก เพราะว่าเรนเดียร์เป็นกวางชนิดเดียวที่มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย
ขณะที่เกร็ก ฟินสตัด เจ้าของโครงการวิจัยเรนเดียร์ที่มหาวิทยาลัยอะแลสกา แฟร์แบงก์ส ก็บอกว่า เจ้าเรนเดียร์ของซานตา อาจจะเป็นตัวผู้ที่ถูกตอนแล้วก็เป็นได้ ซึ่งเป็นความนิยมทำกันในการนำสัตว์มานำทาง
ส่วนใหญ่ก็มักจะตอนสัตว์นำทางเพศผู้ตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งจะส่งผลให้มันหยุดสร้างเขาในเดือนก.พ. และเดือนมี.ค. เหมือนกับเพศเมียเพะเลย เสร็จแล้วเขาที่ไม่ได้มีการพัฒนาก็จะหลุดออกในช่วงก่อนคริสต์มาสพอดี เว้นแต่เพศเมียที่ตั้งครรภ์อยู่ เขาจะหลุดก็ต่อเมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว (เพื่อปกป้องตัวเอง)
เกร็กบอกอีกว่า ถ้าเป็นเรนเดียร์ที่ลากเลื่อน เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นเพศผู้ที่ถูกตอนเพื่อเป็นสัตว์นำทางมากกว่า ด้วยลักษณะของร่างกายที่แข็งแรง แถมในช่วงเดือนธ.ค. อันเป็นฤดูกาลผสมพันธุ์ เจ้าพวกนี้ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการต้องดอดไปจับคู่แต่อย่างใด แถมไม่มีปัญหาเรื่องการตั้งท้องแบบเรนเดียร์เพศเมีย เพราะฉะนั้นพวกมันก็จะว่างมาลากเลื่อนให้ซานตาคลอสอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านอลิซ ที่คิดทฤษฎีทีมหญิงล้วนเรนเดียร์ลากเลื่อน ยังเถียงต่อว่า จะเป็นไปได้หรือที่เรนเดียร์เพศผู้จะสวมจมูกแดงที่โดดเด่นขนาดนั้น “ฉันเห็นว่า มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่ชอบสวมเครื่องประดับ
แล้วก็ ฉันก็รู้จักหญิงที่ชื่อ ชาร์ลี ด้วยนะจะบอกให้”
เอ... ตกลงเราได้ข้อสรุปเรื่องเพศเรนเดียร์ซานตากันหรือยังนี่?

วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รถดัดแปลงอเนกประสงค์

มาดูสุดยอดรถดัดแปลงอเนกประสงค์กัน,Recreational Vehicle






เป็นรถดัดแปลง (Recreational Vehicle) ที่ออกแบบได้หรูหราจริงๆ เห็นแล้วไม่ต้องมีบ้านก็ได้ ขออยู่ในรถเนี่ยแหละ ถ้าหรูขนาดนี้ สำหรับรถ RV รุ่นนี้นอกจากภายในหรูหราไฮโซแล้ว ด้านล่างยังมีช่องสำหรับใส่รถสปอร์ตคันหรูได้อีกหนึ่งคัน เสมือนว่าเป็นโรงรถเลยว่างั้น ส่วนด้านในก็มีห้องสารพัดห้องที่ตกแต่งอลังการ อย่างที่บ้านหรูๆ สักหลังหนึ่งจะทำได้เลย ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ
ที่มา igadgety.com

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันพ่อ ^^

วันนี้วันที่ 5 ธันวาคม หรือ วันพ่อคร๊ะ


วันนี้เพื่อนทำอะไรให้พ่อของเพื่อนรึยัง ส่วนเรานะ ไม่ค่อยได้ทำอะไรให้หรอก


แค่ทำการ์ดกับไปตักบาตรกับพ่อเองอ่ะ


แต่แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว จริงๆนะ


วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องไร้สาระแต่ลองอ่านดูนะ

8 วิธีเลือกแฟนใหม่ ให้ดีกว่าเก่า

อยากรู้ไหมว่าทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงมักเลือกคู่ผิดๆ อยู่ร่ำไป ก่อนอื่นมาลองสำรวจตัวเองสักนิดว่าทำไมความสัมพันธ์ครั้งก่อนจึงจบลงไปอย่างง่ายด่าย คุณมีความคิดตรงกับข้อไหนข้างล่างนี้หรือไม่
คุณมักจะคิดอยู่เสมอว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ
และคุณสามารถช่วยเหลือเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยของการครองคู่ เพราะการที่จะอยู่ร่วมกับใครสักคน การให้อย่างเดียวไม่ช่วยให้หัวใจของคุณอิ่มสุขได้ คู่รักควรมีการให้และการรับ อย่าได้คิดว่ายิ่งให้เขามากเท่าไหร่แล้วเขาจะยิ่งมองเห็นคุณค่า เพราะคุณค่าของตัวคุณไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาด้วยวิธีนี้
คุณคิดว่าควรจะอยู่กับคนนี้
เนื่องจากมีสาเหตุให้รีบเลือก เช่น อายุเยอะแล้วไม่ควรเลือกมาก เพราะไม่อย่างนั้นจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายที่กำลังจะผ่านไป เหตุผลนี้จะยิ่งคอยบั่นทอนคุณค่าในตัวคุณลงไปเรื่อยๆ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ว่ากับเขาคู่ควรกับคุณเพราะ... และถ้าคำนวณดูแล้วเห็นว่าเขาไม่คู่ควรกับคุณ การเป็นเพื่อนกันก็น่าจะเหมาะกว่า รออีกสักนิดให้คนที่คลิกกับคุณจริงๆ เข้ามาในชีวิตดีไหม
หากคบกับเขาแล้วคุณรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ
ถ้าคุณทำให้เขาเสียใจหรือโกรธ เช่น รู้ทั้งรู้ว่าเวลาออกไปกินข้าวด้วยกันควรช่วยกันออกเงิน แต่เขากลับให้คุณเป็นฝ่ายออกเงินเลี้ยงเขาหลายๆ ครั้ง โดยอ้างว่าไม่ค่อยมีเงิน (แต่เขากลับมีเงินซื้อมือถือใหม่) แต่คุณก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ หรือกลัวว่าเขาจะไม่รัก แค่นี้ก็พอจะมองเห็นเงารางๆ ของความทุกข์แล้วล่ะ ถ้าคุณตัดสินใจอยู่กับผู้ชายคนนี้
คุณรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย
และคงไม่มีผู้ชายคนไหนย่างกรายเข้ามาในชีวิตคุณอีกแล้วเป็นแน่ แต่คนนี้ให้โอกาสกับคุณ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้หลุดลอยจงรีบคว้ามันไว้ ความคิดแบบนี้ผิดมหันต์ เพราะผู้หญิงทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง นอกจากคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเองแล้ว คุณยังรีบร้อนไปคว้าเอาใครก็ไม่รู้ที่ยังไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยเข้ามาในชีวิต ระวังจะต้องรีบร้อนผลักไสเขาออกไปจากชีวิตก็แล้วกัน
ตัดสินใจในระยะเริ่มต้นความสัมพันธ์
ระยะแรกที่เพิ่งคบกันเป็นช่วงเวลาแสนหวานของคนสองคน ต่างก็อยากแสดงสิ่งดีๆ ออกมาให้อีกฝ่ายพึงพอใจ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งใช้ช่วงเวลานี้รีบร้อนตัดสินใจ เนื่องจากความหวานของความรักมักมาบดบังความเป็นจริง จนทำให้คุณมองข้ามอะไรหลายๆ อย่าง

ทีนี้มาลองดูวิธีเลือกคู่ใหม่กันบ้าง

1. เลือกคนที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
มีบางคนที่สามารถดึงสิ่งดีๆ ในตัวเราออกมาได้อย่างเต็มที่ นั่นคือคนที่ยินดีรับฟังปัญหาเวลาที่เราทุกข์ ยินดีเมื่อเรามีความสุข สนับสนุนและให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าของเราในทุกๆ ทาง คนที่คุณพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่องและสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา ในทางตรงกันข้าม ผู้ชายที่เอาแต่ติ มองโลกในแง่ร้าย ไม่เคยเข้าข้างและเป็นฝ่ายเดียวกับคุณ คนเหล่านี้มีแต่จะคอยดึงเอาพลังดีงานของชีวิตออกไปจากตัวคุณ
2. อย่าเลือก "วัตถุ" มากกว่า "จิตใจ"
ก่อนอื่นถ้าคุณมีโอกาสรู้จักหนุ่มน่ารักสักคน ขอให้ทำความรู้จักและมองลึกเข้าไปในหัวใจเขา อย่ายอมให้หน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างแมนกำยำ รถเบนซ์สปอร์ตที่เขาขับ หรือเงินเดือนเหยียบแสนที่เขาได้รับมาบดบังตัวตนจริงๆ ของเขา ลองนั่งคิดแล้วเขียนออกมาเป็นข้อๆเลยว่า อะไรที่จำเป็นจริงๆ ที่คู่รักของคุณควรมี เรียงตามลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย เช่น ไม่เจ้าชู้ ใจเย็น เป็นที่พึ่งและเป็นที่ปรึกษาของเราได้ เป็นคนมีศีลธรรม ซื่อสัตย์ รักครอบครัว มีอารมณ์ขัน ฯลฯ แล้วลองพิจารณาหนุ่มคนใหม่ที่กำลังดูใจกันอยู่นั้น ว่ามีคุณสมบัติตามที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า หลังจากคบกันไปสักพักแล้วเขาเป็นคนที่คุณเปิดใจคุยได้ในเรื่องที่คุณไม่กล้าคุยกับใครมาก่อนหรือเปล่า อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่คุณต้องการทุกข้อหรอก เพราะฉะนั้นดูเขาในหัวข้อหลักๆ ที่คุณคิดว่าจำเป็นกับชีวิตคู่ก็น่าจะพอ

3. คุณเป็นคนอย่างไร จงเลือกคนที่เข้ากับคุณได้
ผู้ชายหลายคนเลือกผู้หญิงที่เข้ากับนิสัยของเขาได้ โดยไม่ยึดติดว่าจะคบกันมานานแค่ไหน แต่ผู้หญิงกลับมีนิสัยตรงกันข้าม เมื่อเธอคบกับใครสักคนก็ยังติดนิสัยเดิมๆ ว่าคนคนนี้เป็นคนที่เธอจะแต่งงานด้วย โดยที่ไม่ได้ดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบเลย ผู้หญิงที่รู้จักตัวเองและรู้จักเลือกคนที่เข้ากับตัวเองได้คือผู้หญิงฉลาดเลือก

4. รักแบบเพื่อน ปลอดภัยและมั่นคง
ภาษากรีกโบราณได้แบ่งความหมายได้ชัดเจนระหว่างคำว่า eros (รักใคร่) กับ agape (ความรักแบบเพื่อน) การตกหลุมรักใครสักคนเพราะเขามีอะไรดึงดูดใจและต้องการอยู่กับเขา นั่นเป็นสิ่งที่ชักนำเราให้เข้าไปหาใครคนหนึ่ง แต่การจะอยู่กับใครสักคนให้ยืนยาวนานนั้น ต้องการความสัมพันธ์แบบเพื่อน ดังนั้นคุณลักษณะหลายๆประการที่คุณคาดหวังว่าเพื่อนที่ดีของคุณต้องมีก็คือคุณลักษณะที่ดีของคู่ชีวิตนั่นเอง

5. ชัดเจนกับตัวเองและเขา ว่าคุณคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ครั้งนี้
คุณคาดหวังว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะยาวนาน หรือว่าอยากเป็นแค่เพื่อนกับเขาก็ขอให้บอกกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหนีเตลิดไปเสียก่อนเพราะกลัวการผูกมัก แต่ถ้าเขาจะไปก็ปล่อยเขาไป เพราะนั่นแสดงว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณมองหา

6. อดีตและปัจจุบันเป็นตัวบอกอนาคต
คอยสังเกตคนที่จะมาเป็นว่าที่แฟนคนใหม่ของคุณว่า เขาปฎิบัติอย่างไรกับอดีตแฟน ครอบครัว หรือเพื่อน เช่น ถ้าเคยได้ยินเขาคุยกับผู้หญิงที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงไม่สุภาพ หรือพูดจาไม่ให้เกียรติผู้หญิงคนนั้น ก็รำลึกไว้เลยว่านั่นคือคุณในอนาคต และคุณจะไปเปลี่ยนแปลงนิสัยของเขาไม่ได้หรอก นิสัยและตัวตนที่แท้จริงของเขาก็คือตอนที่เขาอยู่กับครอบครัว คุณลองไปเที่ยวบ้านเขาแล้วลอบสังเกตดูสิว่าเขาปฎิบัติอย่างไรกับครอบครัว เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจ บางครั้งถ้าคุณไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้ชายของเขา เพื่อนบางคนอาจจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาที่คุณไม่เคยรู้ก็ได้

7. วิธีตัดสินปัญหาของเขา
หนึ่งในคำทำนายอนาคตว่าที่แฟนที่ดีข้อหนึ่งคือ ดูว่าผู้ชายคนนี้แก้ปัญหาอย่างไรเวลามีเรื่องทะเลาะกัน ถ้าเขาใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอันตรายถ้าเลือกจะครองคู่กับเขา ข้อแนะนำคือ ถ้าเราสังเกตเห็นว่าเขาชอบใช้กำลังตัดสินปัญหาและทำให้เรากลัว ก็ควรรีบถอยห่างจากผู้ชายประเภทนี้ทันที หรือสอบถามเพื่อนและคนใกล้ตัวเขาจะได้ข้อมูลมากกว่าที่เรามองเอง

8. สำหรับผู้หญิงที่มีลูกติดจากความรักครั้งเก่า
อันดับแรกที่คุณต้องสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือความรู้สึกของลูกคุณ จับเข่าคุยกับลูกอย่างตรงไปตรงมา แลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกซึ่งกันและกัน ฟังลูกให้มาก และอย่าเพิ่งรีบร้อนออกรับแทนผู้ชายคนใหม่


วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Happy Birth Day

Happy Birth Day น๊าเพื่อน

แกแก่ขึ้นอีกแล้วน้า ขอให้มีความสุขมากๆ

และวันนี้ก๋คงเป็นวันเกิดของใครอีกหลายคน

ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะค่ะ

โอมเพี้ยงๆๆๆๆ^^

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน


มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน

มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้องไห้คร่ำครวญ...
อยู่กับอดีตที่ผ่านไป
เพราะอย่างไรก็ไม่อาจแก้ไขได้ ทำอะไรไม่ได้


ไม่ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นจะผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน
เราก็ไม่มีโอกาสกลับไปเพื่อแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
สิ่งที่ทำได้ก็คือเอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียน
แล้วอย่ากลับไปทำผิดพลาดอย่างนั้นอีก
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียดาย...
กับอะไรบางอย่างที่เราได้สูญเสียไปแล้ว
เพราะต่อให้เป็นสิ่งที่ดี ที่สวยงามแค่ไหน
หรือรักมากอย่างไร
ถ้าได้สูญเสียไปแล้วก็ไม่มีทางได้กลับคืน
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกังวัลใจกับอนาคต...
สิ่งที่เราคิดว่าจะเกิด มันอาจจะไม่เกิดก็ได้
สิ่งที่เราคิดว่าใช่ แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่
หากจะมีอะไรทำให้ผิดหวังได้
ก็ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
ไม่ต้องรีบร้อนเสียใจไปล่วงหน้า
อยู่ตรงนี้กับเวลาตรงหน้านี้ดีกว่า
มีความสุขให้ได้กับปัจจุบัน
และความคิดดีๆต่างๆจะเกิด
พลังในตัวตนจะเกิด และในที่สุดแล้ว
ความสุขก็จะเกิด
"แก่นแท้ของชีวิต...
ไม่ใช่อดีตเคยเป็นอย่างไร
อนาคตจะเป็นอย่างไร
แต่คือปัจจุบันมีความสุขไหมต่างหาก"

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ของน่ารักๆที่ใครๆหลายๆคนชอบมากกกก

















แผ่นรองเม้าส์ USB Warmer


หน้าหนาวอากาศเย็นๆ แบบนี้ก็มี Gadget แก้หนาวมาให้ดูอีกแล้ว หลังจากมีถุงมือ USB คราวนี้ก็เป็นแผ่นรองเม้าส์แก้หนาว Brando มีทางเลือกมาให้สำหรับใครที่อาจจะไม่ถนัดอึดอัดกับการใส่ถุงมือ ก็ลองแผ่นรองเม้าส์สร้างความอุ่นที่ให้เราซุกมือเข้าไปใช้งานด้านในได้ โดยจะสามารถเสียบกับ USB เพื่อให้ความอบอุ่นเป็นฮีตเตอร์จิ๋วๆ ให้กับมือของเราได้เลย ซึ่งเราก็สามารถใช้งานเม้าส์ได้จากด้านในเป็นปกติ มีให้เลือกสองลายสองแบบคือ ลายปลาโลมาสีน้ำเงิน และลายสตรอเบอรี่คิกขุสีชมพู ราคาอยู่ที่ประมาณ 15 เหรียญสหรัฐ

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

7 วิธีการใช้อมพิวเตอร์แบบทำร้ายตัวเอง

หลังจากไปได้ up มานานวันนี้ก็เลยมีเรื่องดีดี ไว้ป้องกันตัวเองมาฝากเพื่อนๆนะค่ะ

7 วิธีใช้คอมพิวเตอร์ แบบทำร้ายตัวเอง

สำหรับคนที่อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องแผลงๆ มาทดลองและไม่เห็นค่าของความ “อโรคยา”…SHE’s smart ก็มีวิธีง่ายๆ มาสนองเจตนารมย์ค่ะ วิธีเหล่านี้ง่ายมากสามารถทำได้โดยใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดานี่แหละเป็นอุปกรณ์ แล้วก็ไม่เสียเวลามากด้วย เพราะเราสามารถบั่นทอนสุขภาพของตัวเองไปพร้อมๆ กับที่นั่งทำงานได้เลย เห็นมั้ยคะว่าสะดวกแค่ไหน ค่อยๆ ทำตามกันไปทีละข้อนะคับ

วิธีที่ 1 ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอ
เพราะ ระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างดวงตาของเรากับจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่ 20-24 นิ้ว ดังนั้นถ้าเรายื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้กว่านั้น ดวงตาเราก็จะได้รับทั้งรังสีปริมาณมาก และได้เพ่งจอใกล้ๆ ด้วย ผลที่จะได้ระยะสั้นคือปวดหัว ปวดตา ส่วนระยะยาวคืออาจจะเป็นต้อหินและตาบอดได้ในที่สุดคับ
วิธีที่ 2 ตั้งจอให้แสงสะท้อนเข้าตา
พยายามหันหน้าจอให้มีแสงจ้าๆ สะท้อนเข้าตาเรา เช่น วางจอไว้ใกล้หน้าต่างตอนกลางวัน หรือตั้งโคมไฟไว้ใกล้ๆ หน้าจอ เพราะแสงที่สะท้อนออกมาจากจอคอมพิวเตอร์สามารถทำให้ดวงตาของเราเมื่อยล้าได้ ง่ายๆ สมใจคับ

วิธีที่ 3 จ้องจอนานๆ
พยายาม จ้องจอคอมพิวเตอร์ให้มากกว่าครั้งละ 30 นาที ถ้าเริ่มรู้สึกปวดตาเมื่อไหร่แสดงว่าใช้ได้แล้ว เพราะนั่นหมายถึงดวงตาเริ่มล้าแล้ว ทำบ่อยๆ คุณภาพตาจะแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าไม่กระพริบตาเลยจะยิ่งดี เพราะจะทำให้ตาแห้ง แล้วก็แสบตาในที่สุด ส่วนแผนกระจกกรองแสงถ้ามีก็ถอดออกเสีย เพราะจะเป็นการกรองรังสีจากจอ ดวงตาจะปลอดภัยเกินไปคับ
วิธีที่ 4 นั่งให้ผิดท่า
ชุดเก้าอี้และโต๊ะที่ใช้ถ้าหาแบบที่ต่างระดับกันได้มากๆ จะทำให้ท่านั่งผิดสุขลักษณะ ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกที่แขน ไหล่ หลัง และคอ และเราสามารถเพิ่มระดับความอักเสบของกล้ามเนื้อให้มากขึ้นด้วยการนั่งที่ผิด ท่า นั่นก็คือเวลาใช้คอมพิวเตอร์อย่านั่งหลังตรง ให้นั่งค้อมไปข้างหน้าบ้าง แอ่นไปข้างหลังบ้าง
วิธีที่ 5 วางคีย์บอร์ดให้ผิดทาง
เวลาพิมพ์งานลองหามุมวางคีย์บอร์ดแล้วทำให้ต้องวางมือยากๆ ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์ควรกดแป้นพิมพ์แรงๆ เพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ จะเมื่อยและเจ็บนิ้ว และยังของแถมคือคีย์บอร์ดจะเจ๊งเร็วขึ้น เก้าอี้ที่ใช้ให้เลือกใช้แบบที่ไม่มีที่ให้วางแขน เพื่อที่แขนจะได้เกร็ง เมื่อเกร็งมากๆ ก็จะเมื่อยแขน ปวดไหล่ ปวดนิ้ว ลามไปถึงคอและหลังได้ด้วย
วิธีที่ 6 กินขนมหน้าคอมฯ
ให้หาขนมมากินขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะมีโอกาสที่เศษขนมหรือเกล็ดน้ำตาลจะหล่นลงไปในแป้นคีย์บอร์ด แล้วกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย ซึ่งถ้าเราใช้คีย์บอร์ดสลับกับกินขนมครั้งแบบนี้อีก เราอาจจะโชคดีได้ท้องเสีย เพราะนิ้วของเราย่ำยีอยู่กับแหล่งเพาะเชื้อตลอดเวลานั่นเอง
วิธีที่ 7 แช่แข็งตัวเองอยู่หน้าจอ
พยายามหาเรื่องอะไรมาทำให้ตัวเองเพลินๆ จะได้นั่งอยู่หน้าเครื่องนานๆ จะได้ลืมให้หมดว่าการที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบถนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เครียดจนเมื่อยจนปวด จะได้ลืมว่าควรกินน้ำชั่วโมงละ 1 แก้ว จะได้ลืมว่าถ้าปวดฉี่แล้วไม่ยอมไปห้องน้ำจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แค่คุณทำตาม 7 วิธีนี้ก็เชื่อว่าสุขภาพคุณคงจะย่ำแย่ลงได้บ้างล่ะคับ ถ้าอยากเจ็บป่วยแบบไหนก็เลือกกันตามอัธยาศัยเลยคับ เมื่อสุขภาพแย่ลงการทำงานก็จะแย่ลงไปด้วย และในที่สุดชีวิตคุณก็จะอับเฉาลงเรื่อยๆ ด้วย 7 วิธีนี้เราหวังว่าคุณจะสมหวัง


**ที่มา http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1291767